แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 หรือ Digital Wallet เฟส 3 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ โดยมีเงื่อนไขการใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะการอนุญาตให้ใช้จ่ายในกรุงเทพมหานคร หรือตามเขตที่อยู่ในทะเบียนบ้านได้
ต่างจากเงื่อนไขเดิมที่กำหนดให้ต้องใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) โดยประชาชนต้องมีที่อยู่ในทะเบียนบ้านในอำเภอเดียวกันกับสถานประกอบการของผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็ก
โครงการนี้นอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อกันยายน 2567 ที่ผ่านมา
กระทรวงการคลังให้เหตุผลในการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ว่า ในปี 2568 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับช่วงร้อยละ 2.5 ถึง 3.5 ต่อปี โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ 3.0 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคและต่ำกว่าศักยภาพ (Potential Growth) ที่หลายหน่วยงานเศรษฐกิจได้มีการประเมินไว้
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนและรักษาระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และช่วยกระจายเม็ดเงินอย่างทั่วถึงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มวัยรุ่นที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 สำเร็จ โดยมีคุณสมบัติดังนี้:
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ตรวจสอบจำนวนผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 ที่มีสัญชาติไทย อายุ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 ก.ย. 2567 และไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ พบว่ามีจำนวน 2,677,679 คน
จุดเด่นของโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 คือเงื่อนไขการใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น:
มีการกำหนดประเภทร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ได้แก่:
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณาเพิ่ม/ลดประเภทร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
วัยรุ่นที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จะต้องลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิ์ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่รัฐบาลใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย โดยเริ่มจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล การปรับเงื่อนไขใหม่ให้สามารถใช้จ่ายในกรุงเทพฯ ได้ตามเขตที่มีทะเบียนบ้าน จะช่วยให้มีความสะดวกและยืดหยุ่นมากขึ้น