แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้(Reciprocal Tariff) โดยจัดเก็บภาษีกับไทยในอัตรา 36% ล่าสุดรัฐบาลได้วางกลไกและกรอบแนวทาง การหารือกับสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
ขณะนี้ ไทยก็ได้รับการตอบรับจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ผ่านทางอีเมล์ที่ส่งมาให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเจรจาแล้วอยู่ระหว่างนัดวันเจรจา
โดยรัฐบาลจะให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปเจรจาในรอบแรก เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทั้ง กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)
ส่วนประเด็นการเจรจาช่วงแรกจะเป็นการหารือในภาพใหญ่ทางความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในระดับมหภาคเพื่อ MAGA How Thailand makes The USA Stronger - Safer -Prosper หรือ ประเทศไทยทำให้สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่ง ปลอดภัยขึ้น และเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร ใน 5 เสาหลักในการสร้างสมดุลใหม่ให้กับความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคี ดังนี้
1. ความร่วมมือสหรัฐฯ-ไทย เพื่อนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอาหารแปรรูปเพื่อตลาดโลก
2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น
3. การเปิดตลาดสาขาเกษตรของไทย
4. การบังคับใช้กฎหมายป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าของไทยเพื่อการส่งออกอย่างเคร่งครัด
5. ส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ มากขึ้น โดยจะมีการติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์นโยบายการค้า และมีหน่วยล่วงหน้าในการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบที่กำหนดโดยรัฐบาลสนับสนุนข้อมูลและผลักดันการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ