สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 90.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.94 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 96.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI กลับมายืนที่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ +6.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -12.3 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมีการขยายตัว
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 250,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า การที่สหภาพยุโรป (EU) แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันโลกเผชิญภาวะอุปทานตึงตัว และจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า