สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 93.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.65 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 100.99 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.4% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนหลังแหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นสมาชิกโอเปกรายล่าสุดที่ระบุว่า เห็นด้วยกับความคิดของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมัน โดยเมื่อวันจันทร์ ซาอุดีอาระเบียบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดการผลิตน้ำมันเพื่อรับมือกับการที่อิหร่านจะสามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกอีกครั้ง หากสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติตะวันตก
ตลาดน้ำมันปรับตัวผันผวน โดยปิดดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วงแรกเมื่อนายพาวเวลระบุว่า อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอการขยายตัว, ตลาดแรงงานอ่อนแอลง และส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.8% และชะลอตัวจากระดับ 4.8% ในเดือนมิ.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.2 ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 55.1 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค.