"ปตท." เร่งเครื่องธุรกิจใหม่ 5 ปีลงทุน5หมื่นล้าน

09 ก.ย. 2565 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ย. 2565 | 16:55 น.

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานของไทย กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ จากสถานการณ์พลังงานทั้งในและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน

จากเดิมที่เน้นสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ มุ่งสู่ Powering Life with Future Energy and Beyond หรือ “ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังอนาคต”
 ล่าสุด ปตท. ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปศึกษาดูงานด้านนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ที่ประเทศอังกฤษ ที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้านอาหารสุขภาพของอังกฤษที่จะนำมาต่อยอดให้เป็นผู้นำด้านอาหารและโภชนาการในอนาคต

 

เป้าลงทุนธุรกิจใหม่ 5 หมื่นล.

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ระบุว่า การปรับเปลี่ยนธุรกิจ ไปสู่ Future Energy and Beyond ของปตท.จะประกอบด้วย 6 ด้าน ได้แก่ 1.การไปสู่พลังงานอนาคต พลังงานสะอาด โดยจะเห็นได้จากการเดินหน้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมทั้งการใช้พลังงานทดแทนในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน

 

ดังนั้น แม้ว่าวันนี้ยังอยู่ที่เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ที่ผ่านมา ปตท. ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานลมและแสงอาทิตย์ การเดินหน้าผลิตรถไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงานสำรอง รวมทั้งการเป็นแพลตฟอร์มที่ปรึกษาที่จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น
 

ส่วนอีก 5 ด้านจะเป็นธุรกิจใหม่ที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของคนไทย และคนทั่วโลก รวมทั้งการสนับสนุนการเกิดของ S-curve 12 อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศไทย แบ่งเป็น 1.Life Science เป็นการลงทุนด้านผลิตภัณฑ์ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหารเพื่อสุขภาพ

 

2.Mobility and Lifestyle การร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อให้สถานีบริการน้ำมันของ ปตท.สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

3.High value business ต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมี 4.Logistics and Infrastructure พัฒนาการขนส่งของประเทศ และ5.AI, Robotics, and Digitalization ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง รวมถึงการผลิตจักรกลอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมธุรกิจในเครือ
 

 

ปตท.จะเพิ่มการลงทุนธุรกิจใหม่ในส่วนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัลต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าลงทุนประมาณ 30% ของเงินลงทุนที่ได้ตั้งไว้ ในแผน 5 ปี (ปี 2565-2569) ของ ปตท. 146,000 ล้านบาท หรือเบื้องต้นประมาณ 50,000 ล้านบาท และตั้งเป้าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2575 จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ 30% ของผลประกอบการทั้งหมด”

 

รุกโปรตีนจากพืช

 

เวลานี้ ปตท.โดย บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน (NRPT) ได้ร่วมมือกับบริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศอังกฤษในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศไทย จำกัด (Plant & Bean (Thailand) ) ตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชในไทยเพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้บริโภค และผู้ประกอบการด้านอาหาร จากอนาคตแนวโน้มธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant based Protein) ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคยุคใหม่
 โรงงานดังกล่าวมีความชัดเจนเเล้วว่าจะอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ (อยุธยา)

 

ปตท. เร่งเครื่องธุรกิจใหม่

 

โดยวางแผนก่อสร้างในเดือนกันยายนนี้ มีกำลังการผลิตระยะแรก 3,000 ตันต่อปี และจะมีการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ปีหน้า เบื้องต้นจะส่งออกราว 30-40% ของกำลังการผลิต วัตถุดิบหลัก คือ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และเห็ด โดยนำเทคโนโลยีจากบริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศอังกฤษ มาใช้ในไทย ทั้งนี้ ปตท.ตั้งเป้าให้ไทยเป็นผู้นำการส่งออกอาหารโปรตีนจากพืชรายใหญ่ในภูมิภาคนี้

 

“Plant & Bean ประเทศอังกฤษ จะถือหุ้นโรงงานในไทย 49% และ NRPT จะถือหุ้น 51%”

นอกจากนี้ NRPT ยังได้ร่วมมือกับ Wicked Kitchen ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารแพลนต์เบส 100% ระดับโลกโดยเดือนกันยายนนี้ NRPT จะนำผลิตภัณฑ์อาหาร ขนม รวมทั้งไอศกรีมของ wicked kitchen รวมทั้งสิ้น 17 ชนิดมาจำหน่ายผ่านทางท็อปส์ มาร์เก็ต และเซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์ และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30 ชนิดในเดือนธันวาคม อีกทั้งจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชแบรนด์ “alt” ซึ่งเป็นแบรนด์ของ ปตท.เอง รวมทั้งเพิ่มเมนูอาหารจากพืช ผ่านร้าน Texas Chicken ด้วย

 

“กลุ่มเป้าหมายของ ปตท. คือ ทุกคน ทั้งคนรุ่นเก่าที่ต้องควบคุมอาหาร ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติในบางวันเพื่อสร้างบุญกุศล รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าจากรสชาติที่ดีจะทำให้คนไทยหันมาสนใจอาหารจากพืชมากขึ้น”

 

ปตท. เร่งเครื่องธุรกิจใหม่ 5 ปีลงทุน5หมื่นล้าน

 

แพลนต์เบสโต 12-15% ทุกปี

 

นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) ขึ้นมา เพื่อเป็นบริษัทที่เน้นดำเนินงานในธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต หรือ Life Science โดย future food จะเป็นหนึ่งในโอกาสทางธุรกิจอาหาร Plant based ซึ่งตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงในทุกปี

 

โดยจะเห็นว่า ในปี 2564 มูลค่าตลาด Plant Based ในไทยอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และอัตราการเติบโต 5 ปี จะเติบโต 12-15% ในทุก ๆ ปี ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท

 

“ล่าสุด ได้เปิดตัวร้าน alt. Eatery คอมมูนิตี้อาหาร Plant-based ใจกลางเมืองแห่งแรกของกรุงเทพฯ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่รักสุขภาพร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อชิมลางตลาดในไทย นอกจากนี้การที่ได้ร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพชื่อดังจากอังกฤษ Wicked Kitchen เพื่อทำตลาดธุรกิจนี้ด้วยกัน ก็หวังว่า Wicked Kitchen จะให้บริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าให้และต่อยอดการวิจัยและพัฒนาอาหารในอนาคต”