สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 87.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 94 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวจากการที่สหภาพยุโรป (EU) ใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค.ปีนี้
ทางด้านรัฐมนตรีคลังของประเทศกลุ่ม G7 เห็นพ้องที่จะใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะบั่นทอนฐานะทางการคลังของรัสเซีย เพื่อไม่ให้รัสเซียนำรายได้ไปสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครน โดยมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. 2565 และจะบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในวันที่ 5 ก.พ. 2566
ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า การคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียและการใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกำลังเผชิญความไม่แน่นอน หลังชาติตะวันตกแสดงความไม่มั่นใจต่อความจริงใจของอิหร่านในการรื้อฟื้นข้อตกลงดังกล่าว โดยหากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านประสบความล้มเหลว ก็จะทำให้อิหร่านไม่สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดโลก
สำหรับข้อมูลอื่น ๆ ที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ลดลง 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 434.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2527