นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 มี.ค.68 กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย ระยะ(เฟส)ที่ 1 ซึ่งจะมีการรายงานแนวทางวิธีการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมถึงข้อมูลการลงทะเบียน ตลอดจนรายละเอียดการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟ
สำหรับการเสนอต่อครม.ในครั้งนี้ มีพื้นที่ จำนวน 4 แห่ง ซึ่งอยู่บนพื้นที่ของรฟท. จำนวน 36 ไร่ ประมาณ 5,700 ยูนิต แบ่งเป็น พื้นที่กม.11 (วิภาวดี) จำนวน 5 ไร่, พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช) จำนวน 21 ไร่, พื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี จำนวน 3 ไร่ และพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7 ไร่
อย่างไรก็ดีในระยะแรกของโครงการบ้านเพื่อคนไทยจะก่อสร้างในรูปแบบของบ้านและคอนโดมิเนียม เช่น พื้นที่ กม.11(ถนนวิภาวดี) จะสร้างในรูปแบบคอนโดมิเนียม จำนวน 3 อาคาร อาคารละ 27 ชั้น รวมประมาณ 2,000 ยูนิต เป็นต้น
ทั้งนี้ตามแผนหาก ครม. เห็นชอบ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) จะดำเนินการออกแบบรายละเอียด จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) พร้อมทั้งประกวดราคาหาผู้รับจ้าง คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการทั้งหมดประมาณ 5 เดือน
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดประมูลภายในเดือน ส.ค.68 ได้ผู้รับจ้าง และเริ่มการก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทย เฟสแรก พร้อมกันทั้ง 4 พื้นที่ภายในปี 2568 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบให้ประชาชนได้ประมาณปลายปี 2569
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย เฟสที่ 1 ผ่านทางเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ที่ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีทั้งหมดประมาณ 1.6 แสนราย ปัจจุบันได้ปิดการลงทะเบียนชั่วคราวแล้ว โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งเร็วๆ นี้
ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับสิทธิบ้านเพื่อคนไทย เฟส 1 นั้น ได้มอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้รับผิดชอบในการจับสลาก เพื่อยืนยันความโปร่งใส เมื่อจับสลากแล้วเสร็จ ผู้ที่ได้รับสิทธิจะเข้าทำสัญญากับ ธอส. ต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อโครงการเฟสที่ 1 ผ่านความเห็นชอบ กระทรวงคมนาคม จะเตรียมดำเนินการในระยะที่ 2 ทันที เบื้องต้นจะดำเนินการใน 5 พื้นที่ รวมประมาณ 7,100 ยูนิต ได้แก่ พื้นที่ กม.11(วิภาวดี), พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, พื้นที่จังหวัดชลบุรี, พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และพื้นที่จังหวัดขอนแก่น
ขณะเดียวกันคาดว่าสามารถส่งมอบให้ประชาชนได้ประมาณต้นปี 2570 สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย ทั้ง 2 เฟส กระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าหมายจะส่งมอบให้ได้รวมประมาณ 12,800 ยูนิต โดยในระหว่างดำเนินการทั้ง 2 เฟส จะทยอยประกาศการดำเนินงานในเฟส 3 และเฟสอื่นๆ ต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่บ้านและคอนโดในโครงการบ้านเพื่อคนไทย ที่จะส่งมอบให้ประชาชน จะมีการจัดเก็บค่าส่วนกลางด้วยหรือไม่ นั้น ต้องมีการจัดเก็บตาม พ.ร.บ.บ้านจัดสรรฯ และ พ.ร.บ.อาคารชุดฯ เพื่อใช้ในการบริหารส่วนกลาง
“ทั้งนี้แต่ละพื้นที่จะจัดเก็บไม่เท่ากัน แต่ยืนยันว่าจะไม่แพงเกินไป เพราะระบบบริการต่างๆ ของบ้าน และคอนโด จะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ จะช่วยทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรลงได้” นายสุรพงษ์ กล่าว