ครบ 1 สัปดาห์เต็มหลังจากวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ "นายกฯแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" แถลงและมอบหมายให้ 5 กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อบริหารจัดการก่อนที่ผลไม้จะออกสู่ตลาด
โดยครั้งนั้นนายกฯ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศจีนเพื่ออำนวยความสะดวกในทุกมิติ
โดยเฉพาะทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้จากการส่งออกให้ประเทศไทยมากกว่า 150,000 ล้านบาทต่อปี โดยประเทศจีนเป็นผู้รับซื้อหลัก เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำและผลไม้ตกค้างในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ล่าสุดวันนี้(18 มี.ค.68) รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่า วันนี้ครบ 1 สัปดาห์หลังจากนายกฯมอบการบ้าน ปรากฏว่าเกิดการถกเถียงอย่างดุเดือดระหว่าง "นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ "นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์"
ซึ่งเป็นการถกเถียงอย่างออกรสออกชาติเกี่ยวกับปัญหาการส่งออกทุเรียนไทยไปยังประเทศจีน หลังจากที่สำนักงานศุลกากรแห่งประเทศจีน (GACC) ประกาศปฏิเสธการนำเข้าทุเรียนจากไทยหากไม่มีผลการทดสอบระดับห้องปฏิบัติการสำหรับตรวจปริมาณสารย้อมสี (Basic yellow2 หรือ BY2)
ซึ่งในประเด็นนี้ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอว่าประเทศไทยควรมีเครื่องมือในการตรวจจับปริมาณสารย้อมสี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การโต้เถียงระหว่างรัฐมนตรีสองกระทรวงหลัก
โดย รมว.พาณิชย์ ตั้งคำถามว่า "เมื่ออายัดทุเรียนมาได้แล้ว ทำไมไม่ทำลาย" ทำให้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ โต้แย้งด้วยเสียงเข้มว่า "ตามขั้นตอนเมื่ออายัดของได้แล้วไม่สามารถทำลายได้ในทันที"
การถกเถียงดังกล่าวทำให้รัฐมนตรีหลายคนในที่ประชุมงุนงนนและแปลกใจ ท่ามกลางข้อสังเกตว่า 2 กระทรวงนี้ทำงานไม่ประสานกันมาก่อนในเรื่องการระบายสินค้าเกษตรที่มีปัญหา
รายงานข่าวระบุด้วยว่า จนในที่สุด นายกรัฐมนตรี ต้องเชิญให้รัฐมนตรีทั้งสองคนไปหารือกันนอกรอบให้ได้ข้อยุติเสียก่อน แล้วค่อยนำมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นางสาวศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอทางออกว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้พัฒนานวัตกรรมชุดตรวจสารย้อมสีในทุเรียนที่ให้ผลรวดเร็วภายใน 15 นาที ซึ่งแตกต่างจากวิธีการที่เกษตรกรหรือโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ใช้อยู่ในปัจจุบันที่ต้องส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการและใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมง
นวัตกรรมใหม่นี้มีความเป็นไปได้ในการขยายผลเชิงพาณิชย์และมีต้นทุนไม่เกิน 500 บาทต่อตัวอย่าง ขณะที่วิธีการแบบเดิมมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 4,900 บาทต่อตัวอย่าง อีกทั้งยังมีความแม่นยำสูงอีกด้วย