นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงพื้นที่ จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา พบปะผู้ประกอบการชุมชนสาขาต่างๆ เช่น ธุรกิจ ESG ธุรกิจ Wellness ธุรกิจร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งเป็นธุรกิจเป้าหมายที่กรมฯ ให้การสนับสนุนส่งเสริม และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการชุมชนเป็นแนวทางการบริหารงานภาครัฐ เร่งสร้างความเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของผู้ประกอบการท้องถิ่นในทุกมิติ และมีเป้าหมายหลักของการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนสู่การเป็นเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยม
ทั้งนี้กรมฯ ได้กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อให้สอดรับกับการยกระดับผู้ประกอบการชุมชนสู่การเป็นผู้ประกอบการเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยม ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่
โดยปี 2568 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผู้ประกอบการ จำนวน 15,000 ราย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2,100 ล้านบาท กำหนดธุรกิจเป้าหมายและแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ SME ของไทยที่สำคัญ เช่น
1. ธุรกิจแฟรนไชส์ ปัจจุบันมี 663 กิจการ รวม 80,866 สาขา โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และ พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยก้าวสู่สากล เป้าหมายรวม 750 ราย เป็นต้น
2. บริการโลจิสติกส์ไทย ปัจจุบัน มีธุรกิจโลจิสติกส์ 35,668 ราย ในจำนวนนี้ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ 14,577 ราย และผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจ 1,051 ราย โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการพัฒนาและเพิ่มการบริการจัดการธุรกิจโลจิสติกส์ เน้น การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ยกระดับมาตรฐานผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ด้วย ISO 9001 เป้าหมายรวม 600 ราย
3. ส่งเสริมร้านอาหารไทยให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในประเทศไทย 496 ร้าน
โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการ ปรับภาพลักษณ์ ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ส่งเสริมตลาดเชิงรุกในยุคดิจิทัล การตลาดตามแนวคิด BCG การใช้อัตลักษณ์ท้องถิ่น หรือ GI กระตุ้นยอดขาย สร้างการรับรู้ Soft Power อาหารไทย ร้านอาหารไทย เป้าหมายรวม 300 ราย
4. ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม และธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ส่งเสริมสร้างองค์ความรู้การบริหารจัดการธุรกิจ เพิ่มศักยภาพทางการค้าด้วยเทคโนโลยียุคดิจิทัล เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ สมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย สมาพันธ์สมาคม สปาแอนด์เวลเนสไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขยายโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบธุรกิจสุขภาพ (Wellness)
โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการจัด Workshop ในหลักสูตรพลิกเกมธุรกิจ Wellness อบรมและให้คำปรึกษาเชิงลึกการจัดทำแผนธุรกิจตามแนวคิด BCG นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานนำเสนอและเจรจาจับคู่ธุรกิจ ภายในงาน Thailand Wellness & Healthcare Expo 2025 เป้าหมายรวม 200 ราย
5. ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก (โชห่วย) ปัจจุบันมีนิติบุคคลธุรกิจค้าส่งค้าปลีก 22,935 ราย กรมฯ ได้มีการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น คือ พัฒนาห้างท้องถิ่นต้นแบบ 340 ร้าน พัฒนาสมาร์ทโชห่วย 7,625 ร้าน แบ่งเป็น นำระบบ POS มาใช้ 993 ร้าน และปรับภาพลักษณ์ร้านค้า 6,632 ร้าน นอกจากนี้จะเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ 21,015 ราย
โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อยเป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการให้แก่ร้านค้าโชห่วย รวมถึง ร้านค้าปลีกอื่นๆ โดยเน้นการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป้าหมาย 2,700 ราย และพัฒนาสมาร์ทโชห่วย เป้าหมาย 150 ร้าน รวมถึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ เป้าหมาย 150 ร้าน พัฒนายกระดับคุณภาพการบริหารจัดการเป็น ‘ห้างท้องถิ่นต้นแบบ’ และส่งเสริมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เป้าหมาย 30 ร้าน
6. ส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการภายใต้หลักสูตรต่างๆ เช่น ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ Smart Trader Online, เรียนรู้เส้นทางการเป็น Influencer รวม 41,945 ราย ความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อเสริมทักษะ และสร้างโอกาสทางการตลาด อาทิ SHOPEE, LAZADA, TIKTOK และ META เป็นต้น
โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการ จัดอบรมหลักสูตรต่างๆ เพื่อส่งเสริม SME ด้าน Digital Marketing เป้าหมาย 5,950 ราย พัฒนาชุมชนออนไลน์ต้นแบบ Digital Village ชุมชนสร้างสรรค์สู่การแข่งขันการค้าออนไลน์ เป้าหมาย 20 ชุมชน 4 ภูมิภาค และพัฒนาระบบบริหารข้อมูลผู้ประกอบการออนไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใน Digital Ecosystem 1 ระบบ
7. เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรภาคเอกชนทางธุรกิจ อาทิ MOC Biz Club ปัจจุบันมีสมาชิก MOC Biz Club 14,808 ราย โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club เช่น การเจรจาธุรกิจ การนำเสนอธุรกิจ การเปิดร้าน Biz SHOP จำนวน 10 ร้าน 10 จังหวัด และขยายให้ครบ 77 จังหวัดภายในปี 2570
ทั้งนี้กรมฯ จะดำเนินการควบคู่กับการกำกับดูแลสมาคมการค้าให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สมาคมการค้า พ.ศ.2509 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้แก่สมาคมการค้า ซึ่งเป็นตัวแทนของภาคธุรกิจ ปัจจุบันประเทศไทยมีสมาคมการค้า 1,218 สมาคม โดยแผนงานปี 2568 พัฒนาศักยภาพสมาคมการค้า โดยการเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาสมาคมการค้า ยกระดับสมาคมการค้า โดยการจัดประกวดสมาคมการค้าดีเด่น ปี 2568 เป็นต้น
8. แหล่งเรียนรู้เพื่อ SME (e-learning) ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้ประกอบการ SME เข้าเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะการบริหารจัดการธุรกิจผ่าน dbdacademy.dbd.go.th จำนวน 4 หลักสูตร 38 วิชา และ แผนงานปี 2568 จะเพิ่มเติมอีก 3 หัวข้อวิชา ได้แก่ วิชาเส้นทางสู่ความสำเร็จธุรกิจร้านอาหาร วิชารู้ทันภูมิรัฐศาสตร์สร้างโอกาสธุรกิจไทย และ วิชา AI for Business ทำให้ปี 2568 จะเพิ่มเป็น 4 หลักสูตร 41 วิชา ปัจจุบัน มีผู้จบหลักสูตรแล้ว จำนวน 18,006 ราย
9. ธุรกิจครอบครัว (Family Business) เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโครงการเพื่อสร้างธุรกิจครอบครัวของไทยให้มีความเข้มแข็ง ช่วยผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ปี 2567 ได้เสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวไปแล้ว 286 ราย
โดยแผนปี 2568 จะดำเนินการเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว จำนวน 2 ครั้ง เป้าหมาย 200 ราย และบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
10. ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SME เข้าถึงแหล่งทุน โดยใช้ไม้ยืนต้นและธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ (Food Truck) เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น จัดกิจกรรมส่งเสริมกิจการร้านอาหารเคลื่อนที่ (Food Truck) แสดงศักยภาพการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีสถาบันการเงินเข้าร่วม
นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศ โดยได้จัดงานไปแล้วระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2568 (5 วัน) ณ ไอคอนสยาม สร้างรายได้ตลอดการจัดงานรวม 2.25 ล้านบาท
11. พัฒนาศักยภาพตลาดธุรกิจชุมชนด้วยหลักการ Smart Local เป็นการยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีความโดดเด่น มีรสนิยม เสริมสร้างทักษะความเป็นผู้ประกอบการ พร้อมปรับตัวรับสถานการณ์การค้า เพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน
นอกจากนี้ปี 2568 ยังแผนการขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนด้วย Smart Skill แบ่งเป็น - Smart Local Clinic คลินิกธุรกิจ 4 ครั้ง 4 ภูมิภาค สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ชุมชน 4 เส้นทาง ส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนแก่ผู้ประกอบการชุมชน ผ่าน 3 งานใหญ่ คือ OTOP City, OTOP Midyear และ OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย สร้างโอกาสทางการค้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยปี 2568 ได้กำหนดเป้าหมายพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนรวม 362 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 118 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมฯ ต้องการส่งเสริมและยกระดับเศรษฐกิจชุมชนสู่การเป็นเศรษฐกิจท้องถิ่นนิยมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ จึงได้กำหนดแผนงานและมีเป้าหมายที่ชัดเจนส่งผลให้การส่งเสริมธุรกิจเกิดผลเป็นรูปธรรม และสามารถผลักดันผู้ประกอบการชุมชนในจังหวัดต่างๆ ให้เป็นผู้ประกอบการแห่งเมืองเศรษฐกิจนิยมที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง