การยางแห่งประเทศ (กยท.) เปิดรับสมัครชาวสวนยางทั่วประเทศ 22 ล้านไร่ เข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว 7 ปี โดยเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมฯ จะต้องปลูกยางในที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ 3 ประเภท ดังนี้
1.ที่ดิน นส 3 เป็นเอกสารที่แสดงสิทธิการครอบครอง เพื่อทำประโยชน์ในพื้นที่ดินนั้น ๆ ได้
2. โฉนดที่ดิน นส 4 เป็นโฉนดที่ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกับเจ้าของอย่างแท้จริง มีระวางรูปถ่ายทางอากาศชัดเจน มีหมุดแสดงพื้นที่ชัดเจน ให้กรรมสิทธิ์เจ้าของสามารถทำอะไรบนที่ดินผืนนั้นของตัวเองได้ตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์ สามารถซื้อ ขาย โอน จดจำนองได้
3.ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คือเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกให้กับประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
โดยพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจะต้องไม่เป็นที่พื้นที่เสี่ยงต่อภัยดินถล่ม โดยมีความลาดชันของพื้นที่ไม่น้อยกว่า 35 องศา และที่สำคัญสวนยางที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯต้องเป็นพื้นที่ไม่ทับซ้อนกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองแล้ว ทั้งนี้อายุยางไม่เกิน 18 ปี โดย กยท. จะเป็นผู้ออกค่าใช้ในการดำเนินการทั้งหมด เมื่อครบ 7 ปี จะมีการซื้อขายคาร์บอนเดรดิต ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงิน เฉลี่ยไร่ละ 2750 บาท โดยที่เกษตรกรห้ามโค่นยางในระยะเวลา 7 ปีที่เข้าร่วมโครงการ ในระหว่างเข้าร่วมโครงการ 7 ปี จะมีการอบรม 2 ครั้ง
เช็คเงื่อนไขโครงการ
1.เจ้าของโครงการ คือ เกษตรกรชาวสวนยาง ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในเอกสารรับสมัครเข้าร่วมโครงการ
2.ผู้พัฒนาโครงการ คือ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
3.เจ้าของพื้นที่ คือ เกษตรครชาวสวนยาง ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในเอกสารรับสมัครเข้าร่วมโครงการ
4.เจ้าของพื้นที่ ต้องปฏิบัติตามแผนการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศไทย และคู่มือการยางแห่งประเทศไทย ในการปลูก การดูแลการจัดการ และการบำรุงรักษาพื้นที่สวนยางพารา
5.เจ้าของพื้นที่ต้องดูแลรักษาพื้นที่สวนยางพารา มีการบำรุงรักษาอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาต้นยางพาราให้ครบอายุโครงการฯ ในระยะเวลา 7 ปี
6.เจ้าของพื้นที่ให้ความยินยอม และให้ความร่วมมือแก่การยางแห่งประเทศไทยในการเข้าถึงพื้นที่สวนยางพารา
7.เจ้าของพื้นที่ยินยอมให้การยางแห่งประเทศไทย เป็นผู้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทยในพื้นที่สวนยางพาราที่เจ้าของพื้นที่ได้นำมาเข้าร่วมโครงการ
8.การแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต การยางแห่งประเทศไทยและเจ้าของพื้นที่ จะแบ่งปันกัน ตามปริมาณคาร์บอนที่ได้รับในพื้นที่สวนยางพาราของเจ้าของพื้นที่ ตามสัดส่วน สัญญาโครงการนั้นๆ
9.เจ้าของพื้นที่ยินยอมให้การยางแห่งประเทศไทย เป็นผู้มีสิทธิบริหารจัดการผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตที่ได้รับแทนเจ้าของพื้นที่ สำหรับนำไปใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศไทยและตอบสนองนโยบายชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งเป็นตัวแทนในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
10.การยางแห่งประเทศไทยจะจ่ายค่าตอบแทนในรูปแบบตัวเงินที่ได้จากการขายคาร์บอนเครดิด หลังจากหักค่าใช้จ่ายจากการดำเนินโครงการให้แก่เกษตรกรตามสัดส่วนในข้อ 8
11.กรณีเจ้าของพื้นที่ เข้าร่วมโครงการแล้วแต่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการฯ ได้ เจ้าของพื้นที่จะเสียสิทธิการสนับสนุนจาก กยท.ในโครงการลักษณะนี้ และไม่สามารถเข้าร่วมโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศได้อีก
วิธีสมัครเข้าร่วมโครงการ (คลิกที่นี่)
อย่างไรก็ดีชาวสวนยางสนใจติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การยางแห่งประเทศไทยจังหวัด หรือ สาขา ใกล้บ้านได้ ตามวันและเวลาทำการ