"ดร.สุรเกียรติ์" วิเคราะห์ "ทรัมป์ 2.0" ผลประโยชน์เหนือความสัมพันธ์

06 เม.ย. 2568 | 01:31 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2568 | 01:42 น.

"ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" วิเคราะห์ทรัมป์ 2.0 นั่งปธน.สมัย 2 มุ่งผลประโยชน์สหรัฐเหนือทุกสิ่ง ไม่แคร์สัมพันธ์เก่าแก่ แม้แต่แคนาดายังโดน จี้ไทยเตรียมรับมือด่วน

ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คุยนอกกรอบกับสุทธิชัยหยุ่น" ทาง ThaiPBS เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศ "ทรัมป์ 2.0" ที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก

 

ดร.สุรเกียรติ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ทรัมป์ 2.0 คือทรัมป์ในวาระที่ 2 ต่างจากทรัมป์ 1.0 โดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ต่างจากสมัยไบเดน แต่ต่างจากทรัมป์ 1.0 อเมริกาวันนี้ไม่ใช่อเมริกาวันโน้น พร้อมเตือนว่าหากเข้าใจว่าเหมือนทรัมป์ 1.0 ที่เพียงแค่ขู่แล้วเรียกมาเจรจาจนตกลงกันได้ จะทำให้การเตรียมตัวไม่เพียงพอ

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ปรัชญา อุดมการณ์ และวิธีคิดของทรัมป์เปลี่ยนไป โดยทรัมป์ 2.0 มองว่าเรื่องภาษี (Tariff) เป็นอุดมการณ์และนโยบายสำหรับอนาคตที่จะนำมาให้เกิดความยิ่งใหญ่ของอเมริกาอีกครั้ง (Make America Great Again) ด้วยการใช้มาตรการภาษี

 

ดร.สุรเกียรติ์สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3-4 ประการ ได้แก่

 

1. นโยบายต่างประเทศที่มีความรักชาติหรือคลั่งชาติ (Nationalistic) มากขึ้น ภายใต้แนวคิด "America First" ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของอเมริกาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจการเมืองที่จะพูดเรื่องผลประโยชน์อย่างเปิดเผย

2. นโยบายการค้าที่นำโดยการใช้ภาษีศุลกากร (Tariff) และการปกป้องตลาดภายใน (Protection) เพิ่มมากขึ้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน ขึ้นภาษีและกีดกันการลงทุน

 

3. นโยบายการเจรจาระหว่างประเทศแบบ "transactional" คือว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป ไม่สนใจความสัมพันธ์ในอดีต แต่พิจารณาแต่ละเรื่องแยกกันว่าอเมริกาจะได้ประโยชน์หรือไม่

 

ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่า นโยบายเหล่านี้สะท้อนวิธีมองโลกของทรัมป์ 2.0 ที่เชื่อว่าอเมริกายิ่งใหญ่เพียงพอในทุกด้าน ทั้งการทหาร การเมืองและเศรษฐกิจ ที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดผลตามที่ต้องการ

 

"ความเป็นเพื่อนที่เรามักจะอ้างว่าเราเป็น Oldest Treaty Ally เป็นประเทศพันธมิตรสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสัมพันธ์อย่างดี สู้สงครามเวียดนามด้วยกันมา มันก็ดี แต่มันพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่พอ มันไม่ใช่อุดมการณ์หรือวิสัยทัศน์ของทรัมป์ 2.0" ดร.สุรเกียรติ์กล่าว

 

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศยกตัวอย่างแคนาดาและอังกฤษที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ แต่ยังถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีและกดดันทางการค้า จนถึงขั้นที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องรีบบินไปพบทรัมป์ทันทีเพราะมีปัญหาเรื่องการนำเข้าส่งออกเหล็กกล้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีประเทศใดที่จะได้รับการยกเว้นจากนโยบายใหม่ของทรัมป์

 

ที่มา - Thai PBS