นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูล "ภาษีทรัมป์" ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอัตราภาษีดังกล่าวคำนวณจากตัวเลขการขาดดุลและมูลค่าการนำเข้าทางการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า โดยในส่วนของประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บในอัตรา 36%
นายวุฒิไกรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเก็บภาษีจะดำเนินการเป็น 2 ช่วง ดังนี้
นายวุฒิไกร ระบุว่า โดยจะเก็บภาษีเพิ่มในอัตรา 10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากทุกประเทศ ทั้งนี้ สินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าวจะยังไม่ถูกเก็บภาษี จนถึงเวลา 00.01 น. ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2568
โดยภาษี 10% นี้จะเป็นการเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN apply rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่แต่ละประเทศถูกจัดเก็บอยู่เดิม
ปลัด พณ. ระบุว่า สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทนตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% ซึ่งจะเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ประเทศไทยถูกจัดเก็บอยู่เดิม
สำหรับสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว จะยังได้รับยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษี 36%
นายวุฒิไกร กล่าวเสริมว่า อัตราภาษีต่างตอบแทนดังกล่าวจะไม่ใช้กับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ ได้แก่
นอกจากนี้ ภาษีต่างตอบแทนยังจะไม่ใช้กับสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป แร่ธาตุสำคัญบางประเภท พลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงาน เนื่องจากสหรัฐฯ อาจจะมีการประกาศใช้ภาษีเฉพาะกับสินค้าเหล่านี้ในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะเก็บเพิ่มในอัตรา 25% ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคำสั่งบริหารนี้จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนเป็นรายประเทศ แต่ก็เปิดโอกาสสำหรับการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น โดยสหรัฐฯ มุ่งหวังที่จะลดการขาดดุลการค้าและเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการเจรจาและการปรับปรุงข้อตกลงทางการค้า
"ในส่วนนี้ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ เพื่อนำไปสู่การเจรจาปรับลด/ยกเว้นอัตราภาษีต่างตอบแทนที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากประเทศไทย"
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมทั้งเร่งพิจารณาส่งเสริมการขยายตลาดใหม่ทดแทน โดยมุ่งเน้นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ตลาดฮาลาล และตลาดเกิดใหม่ พร้อมเร่งเดินหน้าการเจรจา FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และพิจารณา FTA ในตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพควบคู่กันไป ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และแอฟริกา