thansettakij
วิกฤตภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” โอกาส PJUS GROUP โตในสหรัฐอเมริกา

วิกฤตภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” โอกาส PJUS GROUP โตในสหรัฐอเมริกา

14 เม.ย. 2568 | 01:00 น.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ อเมริกาได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้ากว่า 185 ประเทศทั่วโลก

ในอัตราภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 และภาษีอัตราตอบโต้ที่เป็นอัตราใหม่สำหรับไทยที่ 36% มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจและการค้าไปทั่วโลก และคาดจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในปีนี้อย่างมาก

วิกฤตภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” โอกาส PJUS GROUP โตในสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ดีในมุมของผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศไปจำหน่ายในสหรัฐกลับมองต่าง โดย นายประมุข เจิดพงศาธร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท PJUS GROUP ผู้จัดหา และนำเข้าสินค้าไทยป้อนให้กับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงห้างสรรพสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต และเรือนจำในสหรัฐ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ด้านการค้าระหว่างประเทศ (HTA) กระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยระบุ ในวิกฤตครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มสินค้าใหม่พร้อมปรับราคา

นายประมุข กล่าวว่า ในวงการธุรกิจ ส่งออก-นำเข้าทุกคนช็อกหมดกับการขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยในส่วนของภาษีตอบโต้ 36% ที่สหรัฐเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากไทย จะคิดจากสินค้าที่ออกจากท่าเรือของประเทศต้นทางในวันที่ 9 เมษายน 2568 แต่หากเรือออกจากประเทศต้นทางก่อนวันที่ 9 เมษายน และมีเอกสารหลักฐาน มีใบตราส่งสินค้า (B/L) เป็นหลักฐาน เมื่อไปถึงสหรัฐจะไม่เสียภาษีในอัตราตอบโต้

อย่างไรก็ดีในส่วนของ PJUS GROUP โดยปกติจะมีสต๊อกสินค้ายืนอยู่ที่ 3 เดือนตลอดเวลา การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐในครั้งนี้จึงยังใช้สต๊อกปกติในการส่งมอบสินค้าให้กับคู่ค้าในสหรัฐ ไม่ได้เร่งสั่งสินค้า หรือเร่งนำเข้าสินค้าก่อนภาษีจะปรับเพิ่มขึ้นแต่ประการใด

“ของเราปกติครับ มันหาเรือไม่ทันแล้ว ถึงวันนี้หาเรือไม่ทันแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเร่งนำเข้า ของเราคงเส้นคงวามาโดยตลอด คือเราสต๊อกยืนที่ 3 เดือนมาโดยตลอด เพื่อป้องกันสินค้าขาดแคลนในการส่งมอบให้คู่ค้าและผู้บริโภคในสหรัฐ ซึ่งไม่ว่าอัตราภาษีนำเข้าที่ปรับเพิ่มขึ้น จะมีส่วนทำให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ช่าง เราค่อนข้างประทบน้อย เพราะเป็นสินค้าที่มีแบรนด์ของตัวเอง (แบรนด์ QUEEN ELEPHANT) และมีฐานลูกค้ารองรับ และมีช่องทางการจำหน่ายที่แน่นอน”

ทั้งนี้ สมมุติว่าหากภาษีนำเข้ามีผลทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นอีก 36% ทางกลุ่มก็จะบวกราคาสินค้าขึ้นไปอีก 36% โดยราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นก็มีความจำเป็นที่ต้องผลักภาระภาษีนี้ไปให้กับผู้บริโภคในสหรัฐ โดยบวกเพิ่มในราคาขายสินค้า แต่ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการบวกเพิ่ม เพราะยังเป็นสต๊อกเก่า แต่หากสินค้าในสต๊อกเก่าหมด และมีการนำเข้าสินค้าใหม่ และถูกบวกเพิ่มภาษี ทางกลุ่มก็จะขอคู่ค้าและลูกค้าปรับขึ้นราคาอีก 36%ตามอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากไทยที่ถูกปรับขึ้นเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย

“เวลานี้จากการปรับขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตื่นตระหนก ส่งผลให้ตลาดหุ้นในสหรัฐร่วงลงหลายจุด วันแรก ๆ ที่ประกาศมาตรการภาษี ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปเกือบ 4,000 จุด และกระทบตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง เศรษฐีสหรัฐ และเศรษฐีทั่วโลกก็จนลงไปเยอะมาก ข้อกังวลที่ตามมาคือ ตลาดหุ้นพังแบบนี้ จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หรือไม่ บางคนวิจารณ์ว่าต้องใช้เวลาถึง 3 ปีถึงจะแก้ปัญหาได้”

นายประมุข กล่าวยํ้าอีกว่า หากสินค้าในสต๊อกเก่าของบริษัท (เป็นสินค้าอาหารนำเข้าจากไทย เช่น ข้าวสารหอมมะลิ ผลไม้อบแห้ง ซอสต่าง ๆ)หมดเมื่อไร ในสินค้าใหม่ที่ไปถึงก็จะบวกหรือปรับราคาเพิ่มขึ้น การที่สินค้าของบริษัทมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เปรียบได้กับทองคำ เพราะสินค้าของทางกลุ่มอยู่หมวดอาหารที่คนต้องกินต้องใช้ และการเป็นสินค้าที่มีแบรนด์ของตัวเองและได้รับความเชื่อถือแล้ว ถือมีความได้เปรียบผู้ค้าที่ไม่มีเครือข่ายการตลาด และไม่มีพรรคพวก

วิกฤตภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” โอกาส PJUS GROUP โตในสหรัฐอเมริกา

เมื่อถามว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จะกระทบกับผู้บริโภคชาวอเมริกันมากน้อยแค่ไหน และจะกระทบเศรษฐกิจของสหรัฐแย่ลงหรือไม่ นายประมุข กล่าวว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนระมัดระวังตัวไม่ใช้จ่าย มีคนตกงานจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ นับแสนคน มีการไล่แรงงานจากประเทศอื่นที่หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศ ทั้งนี้คงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรจากมาตรการภาษี

“ภาพที่เกิดขึ้นในสหรัฐเวลานี้คือ มีคนแห่ตุนสินค้า ทั้งผู้บริโภคในสหรัฐ ภัตตาคาร ร้านอาหารไทย ก็แห่ตุนสินค้าเหมือนกันหมด อันนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์จากราคาสินค้าที่จะถูกปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้คนซื้อวัตถุดิบอาหารไปปรุงทานเองที่บ้านมากขึ้น ลดการทานอาหารนอกบ้าน ตรงนี้มีผลแน่นอน อย่างไรก็ตามจากราคาสินค้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น และทางกลุ่มมีลูกค้าที่ค้าขายกันมานาน 20ปี ส่งของตรงเวลาและมี แบรนด์ที่มั่นคงคาดในปีนี้จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้น เพราะเราฉวยโอกาสจากคนอื่นทำไม่ได้ แต่เราทำได้ ก็จะขยายๆ” นายประมุข กล่าว

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,088 วันที่ 17 - 19 เมษายน พ.ศ. 2568