เอกชนผวา สงครามการค้า-ภาษีสหรัฐฯ ฉุดยอดจดธุรกิจใหม่ มี.ค.68 วูบ

23 เม.ย. 2568 | 06:19 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 06:55 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ เดือนมี.ค. 68 หล่นวูบ 3.89% จับตาสถานการณ์โลก ภาษีสหรัฐกดดันตลาด ความเข้มงวดปราบปรามธุรกิจนอมินี หรือธุรกิจทุนสีเทา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เดือนมีนาคม 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,432 ราย ลดลง 301 ราย (-3.89%) เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2567 (7,733 ราย) และทุนจดทะเบียนรวม 38,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,489 ล้านบาท (74.45%) เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2567 (22,146 ล้านบาท) 

 

เอกชนผวา สงครามการค้า-ภาษีสหรัฐฯ ฉุดยอดจดธุรกิจใหม่ มี.ค.68 วูบ

 

สำหรับธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย มูลค่า ทุน 1,351 ล้านบาท 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 523 ราย ทุน 2,110 ล้านบาท 3.ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 298 ราย ทุน 619 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 4 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 18,979 ล้านบาท ได้แก่ 

  • บมจ.ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 11,024 ล้านบาท  
  • บมจ.ฮ็อป อินน์ โฮเต็ล จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 3,575 ล้านบาท 
  • บจ.คอมเปค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท และบจ.เจ็ม-เยียร์ อินดัสเทรียล จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,380 ล้านบาท

 

เอกชนผวา สงครามการค้า-ภาษีสหรัฐฯ ฉุดยอดจดธุรกิจใหม่ มี.ค.68 วูบ

 

อย่างไรก็ดี การจัดตั้งใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) มีจำนวน 23,823 ราย ลดลง 1,180 ราย (-4.72%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (25,003 ราย) ทุนจดทะเบียน 79,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,980 ล้านบาท (17.63 %) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (67,941 ล้านบาท) 

สำหรับธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,892 ราย ทุนจดทะเบียน 4,113 ล้านบาท 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,608 ราย ทุนจดทะเบียน 6,266 ล้านบาท และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 973 ราย ทุนจดทะเบียน 1,960 ล้านบาท 

ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปี 68 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 5 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 20,979 ล้านบาท ประกอบไปด้วย บจ.อีลิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท และนิติบุคคลจำนวน 4 ราย ในเดือนมีนาคม 2568 ที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท ดังที่กล่าวไปข้างต้น 

นอกจากนี้การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวน 889 ราย ลดลง 22 ราย (-2.41%) เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2567 (911 ราย) และมีทุนจดทะเบียนเลิก 4,842 ล้านบาท ลดลง 741 ล้านบาท (-13.27%) เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2567 (5,582 ล้านบาท) 

ขณะที่การจดทะเบียนเลิกไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) มีจำนวน 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 298 ราย (10.61%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (2,809 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 11,859 ล้านบาท ลดลง 85 ล้านบาท (-0.71%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (11,944 ล้านบาท) 

โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีนิติบุคคลเลิกประกอบกิจการที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย รวมทุนจดทะเบียนเลิกทั้งสิ้น 4,128 ล้านบาท ได้แก่ บจ.ฟูไน (ไทยแลนด์) จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,568 ล้านบาท และบจ.คิตากาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,560 ล้านบาท 

 

เอกชนผวา สงครามการค้า-ภาษีสหรัฐฯ ฉุดยอดจดธุรกิจใหม่ มี.ค.68 วูบ  

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,988,655 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.49 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 942,367 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.24 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 

  • บริษัทจำกัด 743,784 ราย หรือ 78.93% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.44 ล้านล้านบาท 
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 197,094 ราย หรือ 20.91% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท 
  • บริษัทมหาชนจำกัด 1,489 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.37 ล้านล้านบาท 

สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 509,271 ราย ทุนจดทะเบียน 12.81 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 309,015 ราย ทุน 2.56 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 124,081 ราย ทุน 6.87 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.04%, 32.79% และ 13.17% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ 

สำหรับหากวิเคราะห์ตัวเลขการจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปี 2568 พบว่า การจดทะเบียนจัดตั้งมีจำนวนที่ลดลงเล็กน้อย อาจมาจากรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs) 

รวมถึงความกังวลว่าถ้าจัดตั้งธุรกิจในช่วงนี้อาจต้องเผชิญความท้าทายและความเสี่ยงในการบริหารธุรกิจ ปัจจัยความเข้มงวดในการปราบปรามธุรกิจนอมินีหรือธุรกิจทุนสีเทาของกระทรวงพาณิชย์ที่จะทำให้ธุรกิจต้องมีความรัดกุมมากขึ้นในการเตรียมความพร้อมก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท