thansettakij
จอมทรัพย์ โลจายะ เบอร์1 เมกกะวัตต์พุ่งชนรายได้หมื่นล.

จอมทรัพย์ โลจายะ เบอร์1 เมกกะวัตต์พุ่งชนรายได้หมื่นล.

14 มี.ค. 2560 | 12:00 น.
“จอมทรัพย์ โลจายะ” ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล็อก ( SUPER ) เขาเป็นนักกฎหมายและนักธุรกิจชื่อดังในวงการตลาดทุน เป็นผู้หนึ่งที่กว้างขวางในธุรกิจจากธุรกิจอิฐมวลเบา ก่อนจะผันซุปเปอร์บล็อก เข้าสู่โหมดพลังงานทดแทน ตามเทรนธุรกิจที่มาแรงและยังทรงอิทธิพลอยู่ได้

จากวลีที่ติดหูนักลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป้าหมายขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ( COD ) 500 เมกกะวัตต์ สูงสุดที่ให้ไว้ 2,000 เมกกะวัตต์ในปี 2560 นี้ ยังเป็นที่จดจำและทวงถาม แต่ทว่าในวันนี้ เป้าหมายเมกกะวัตต์สำหรับ SUPER ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก แม้ว่าปีที่ผ่านมา ไม่ได้เห็น 1,000 เมกกะวัตต์ ตามแผนการเดิมของ “จอมทรัพย์ “ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะหยุดเดิม แม้ว่า 30 ธันวาคม 2559 จำนวน 122 โครงการจะ COD ได้เพียง 730.60 ล้านบาท มีรายได้ 3,800 ล้านบาท กำไร 361 ล้านบาท ดีขึ้นหลายเท่าตัวจากปี 2558 ที่ขาดทุนบานตะไท 712 ล้านบาท และล่าสุด 8 มีนาคม 2560 จ่ายไฟฟ้าแล้ว 123 โครงการ จำนวน 735.60 เมกกวัตต์ ทำให้ SUPER โอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมจนเกลี้ยง ความหวังผู้ถือหุ้นมีโอกาสเห็นเงินปันผลมากขึ้น

สวนทางกับราคาหุ้น SUPER ที่ซึมลงๆๆจาก สูงสุด 2 บาทต้น ๆ หลุด 1.30 บาท ลงมา แต่สำหรับ “จอมทรัพย์” ไม่ตื่นเต้น และชี้ให้เห็นหลักการง่าย ๆ ให้ดูการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ โลจายะ ที่ยังถือหุ้น 39 % โดยเฉพาะตัวของเขาที่เก็บหุ้นเพิ่มตลอดทาง

วันนี้และต่อไป เป้าหมาย COD ปีนี้ 2,000 เมกกะวัตต์ จะไม่หลุดออกจากปากของ “จอมทรัพย์” อีก ซึ่งเขามีเป้าหมายใหม่ที่เปลี่ยนไปเป็นรายได้ 9,000 – 10,000 ล้านบาท แทน

อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป ?????? จากเป้าเมกกะวัตต์ เป็นเป้ารายได้หมื่นล้านบาท

“จอมทรัพย์” แจงว่า นโยบายรัฐการสนับสนุนต่อพลังงานทดแทนที่เปลี่ยนไป จำนวนเมกกะวัตต์การซื้อไฟฟ้าที่ยังไม่แน่นอน ทำให้การคำนวณเป็นเมกกะวัตต์ ไม่มีความชัดเจนแล้ว การนับเป็นรายได้ จึงมีความชัดเจนกว่า

ดังนั้นเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทปี 2560 หาก “จอมทรัพย์” ฝันไม่ไกลแล้วไปให้ถึง SUPER จะผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทย ที่มีกำลังการผลิตในประเทศ กว่า 700 เมกกะวัตต์ และยังเป็นเบอร์ 1 ที่มีการเติบโตของรายได้ จาก 3,800 ล้านบาท ในปีก่อน ขึ้นมา 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ อย่างน้อยรายได้เดิม ๆ จากการขายที่มีขณะนี้ 735 เมกกะวัตต์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 5,500 ล้านบาท ยังไม่นับรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากการซื้อกิจการในปีนี้อีก

“ วันนี้ SUPER ถึงจุดที่คุยกันไว้ มีเป้าหมายที่จะเดินไป ถ้ามีการซื้อกิจการตามแผน ในต่างประเทศ ที่ดูไว้ทำให้มีแรงก้าวกระโดดของรายได้ทันที 9-1 หมื่นล้านบาท จากทุนเดิมรายได้ที่มีอยู่แล้ว 5.5 พันล้านบาท หากดูรายได้ปีก่อน 3,800 ล้านบาท เป็นกำไรขั้นต้น 3,400 ล้านบาท หรือ 87 % ของรายได้ เป็นกำไรก่อนหักค่าเสื่อม-ดอกเบี้ย ( อีบิด้า ) 3,000 ล้านบาท ”

เป็นการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ตามความมั่นใจของ “จอมทรัพย์” ที่มองว่าปีนี้ SUPER จะเหมือนบริษัทที่มีขนาดใหญ่แล้ว ไม่ได้พัฒนาสร้างโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อขายไฟ แต่จำนวนการเชื่อมต่อไฟฟ้าขายกับหน่วยงานการไฟฟ้าภูมิภาคที่ทำได้ 735 เมกกะวัตต์ จึงถึงเวลาเห็นการลงทุนใหม่ ๆ เข้ามา ศักยภาพการซื้อกิจการตามแผน และการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเริ่มจากเฟสแรก การนำโรงไฟฟ้า รวมขนาด 100 เมกกะวัตต์ ตั้งเป็นกองทุนออกขาย ซึ่งผู้ถือหุ้นไม่ควรออกแค่ทำให้สินทรัพย์ลดลงจากการขายไปตั้งกองทุน แต่ให้มองที่ประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากรายได้ที่เข้ามาช่วยต่อยอดการสร้างรายได้และกำไร อีกทั้งยังช่วยเลี่ยงการพิ่มทุนด้วย

แผนการลงทุนไปต่างประเทศ SUPER มุ่งเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน เพิ่มเติมในประเทศจีน และญีปุ่น แล้วยังมีประเทศใน CIMV ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้า แต่การเติบโตในต่างประเทศ ต้องไม่ลืมความเสี่ยง หรือเติบโตแล้วต้องบริหารความเสี่ยงได้ด้วย

“จอมทรัพย์” เชื่อว่า เทคโนโยลีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นำ ต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่งผลรายได้การขายไฟฟ้าต่อเมกกะวัตต์ลดลงตาม แผนพลังงานไฮบริด ที่ผสมผสานพลังงานแดด ลม และชีวมวล จำนวน 1,000 เมกกะวัตต์ ที่จะเปิดประมูลเบื้องต้น 400 เมกกะวัตต์ มีความน่าสนใจ เพื่อช่วยให้การผลิตมีเสถียรภาพ 24 ชั่วโมง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,243 วันที่ 12 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2560