ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) จากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ โดยตลาดกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพทั่วหน้า หรือ Medicare for All ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบบประกันสุขภาพ และกระทบต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและประกันสุขภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,449.54 จุด ลดลง 3.12 จุด หรือลบ 0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,900.45 จุด ลดลง 6.61 จุด หรือลบ 0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,996.08 จุด ลดลง 4.15 จุด หรือลบ 0.05%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังจากวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส นำเสนอร่างกฎหมาย "Medicare for All" หรือประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและประกันสุขภาพ
โดยหุ้นไฟเซอร์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 4.7% หุ้นเดวิตา ดิ่งลง 7.7% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 2% ส่วนหุ้นซิกนา คอร์ป และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นสองบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.7% และ 1.9% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดีในระหว่างวันตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐและจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จีนไตรมาสแรก(เทียบรายปี ) ขยายตัว 6.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3%
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 3.4% สู่ระดับ 4.94 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และสหรัฐยังขาดดุลการค้าต่อจีนลดลง 28.2% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดการส่งออกไปยังจีนพุ่งขึ้น 18.2% และยอดการนำเข้าจากจีนดิ่งลง 20.2%