แบงก์เทขายหนี้ ไตรมาสแรก 4.5 หมื่นล้านบาท หวังลดภาระกันสำรองจากมาตรฐานบัญชี IFRS 9 มุ่งธุรกิจหลัก วงในชี้บริษัทรับซื้อหนี้กดราคา ส่งผลหลายค่ายยกเลิกประมูล เอสเอ็มอีแบงก์วาดเป้าสิ้นปี มีรายได้ 1.25 หมื่นล้านบาท หลังจ้างเอาต์ซอร์ซทวงหนี้
จากรายงานผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 1 ปี 2562 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่า ธนาคารพาณิชย์11 แห่งมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) รวม 4.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.32% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก.(BAM) มีเอ็นพีแอล 4.5 แสนล้านบาทและบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ บสส.(SAM) มีเอ็นพีแอล 3.4 แสนล้านบาท บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)หรือ JMT มีเอ็นพีแอล 1.45 แสนล้านบาท
สถาบันการเงินที่ต้องการเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจธนาคาร ด้วยการลดเอ็นพีแอลผ่านการตัดหนี้สูญและขายออก เพราะการบริหารหนี้ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป ทำให้แนวโน้มตลาดรับซื้อหนี้เอ็นพีแอลปีนี้คึกคักขึ้น ประกอบกับต้องการลดการกันสำรองจากมาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่จะบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่่งจะกดดันกันสำรองสูงขึ้น เช่น กรณีหนี้ค้างชำระเกิน 30 วัน ต้องสำรองสูงถึง 30% จึงเห็นธนาคารตัดขายเอ็นพีแอลตั้งแต่อายุไม่ถึง 1 ปี แม้แนวโน้มเอ็นพีแอลเกิดใหม่ จะปรับเพิ่มเล็กน้อยในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงไตรมาส 4 ปีก่อน จึงยังไม่น่าห่วง แต่เอ็นพีแอลส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจเป็นผลจากลูกหนี้ที่ผ่อนชำระได้ จากการได้รับผ่อนปรนจากธนาคารเป็นรายงวด ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยทำให้สถาบันการเงินตัดขายหนี้เอ็นพีแอลไม่ว่าจะเป็น บ้าน เอสเอ็มอีและธุรกิจรายใหญ่ ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ดังนั้นจะเห็นว่าไตรมาสแรก แม้จะมีเอ็นพีแอลเปิดประมูลขายราว 4.5 หมื่นล้านบาท แต่หลายแห่งต้องยกเลิกการประมูล เนื่องจากราคาที่เสนอซื้อตํ่ากว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ ผู้จัดการ บสส.หรือ SAM เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายรับซื้อเอ็นพีแอลปีนี้อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10-20% ที่ SAM รับซื้อมา 1 หมื่นล้านบาทเศษ ทำให้ยอดเอ็นพีแอลคงค้างเดือนมีนาคม 2562 อยู่ที่ 3.4 แสนล้านบาท มีลูกหนี้ 1.82 หมื่นรายและสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ)รวม 2.1 หมื่นล้านบาท ลูกหนี้ 3,800 ราย
“3 เดือนแรกมีธนาคาร 4-5 แห่งเปิดประมูลเอ็นพีแอลหลากหลายประเภททั้ง ธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อบ้าน ซึ่งในส่วนของสินเชื่อบ้านที่จัดกองประมูลขายจะอยู่ในระดับราคา 1-10 ล้านบาท ซึ่งเราได้เพิ่มงบลงทุนในการซื้อเอ็นพีแอลปีนี้ีเพิ่ม 10-20% จากปีก่อน ส่วนผลตอบรับคลินิกแก้หนี้ มียอดลูกหนี้สะสมเพียง 1,000 ราย และยังมุ่งทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง”
ด้านบสก.หรือ BAM คืบหน้ารับซื้อหนี้แล้ว 3,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 8,400 ล้านบาท โดยคาดว่า สิ้นปีนี้น่าจะรับซื้อเอ็นพีแอลได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าเรียกเก็บทั้งปีที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ 7,000 รายและเป้าขายเอ็นพีเออีก 6,000 ล้านบาท
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่าง
ตรวจคุณภาพเอ็นพีแอล(Due Diligence)2-3 รายจาก 5 ธนาคารที่นำทรัพย์ออกประมูลขายระหว่างช่วงครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 4,500 ล้านบาท ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยปัจจุบันพอร์ตเอ็นพีแอลคงค้างรวม 1.45 แสนล้านบาท มีสัดส่วนหนี้ที่อยู่อาศัย 3,500 ล้านบาทหรือ 2% ของพอร์ตเอ็นพีแอลคงค้าง และปีนี้จะเพิ่มคุณภาพธุรกิจบริหารหนี้หรือเรียกเก็บค่างวดที่มีอยู่ 2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีนโยบายเพิ่มสาขาอีก 4 แห่งเป็น 30 สาขาภายในสิ้นปี
นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ ไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารตั้งใจลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 10% จากปัจจุบันรวม 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่ไม่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปิดกิจการแล้วมีหลักทรัพย์คํ้าประกันคุ้มมูลหนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงสี โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบจากพัฒนาการของเทคโนโลยี 2.กลุ่มธุรกิจที่ไม่ยอมเคลียร์หนี้ (Strategic) ซึ่งมีหลักประกันเป็นโรงแรมหรือสนามกอล์ฟ และ 3.กลุ่มธุรกิจที่ยังมีอนาคต แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ กลุ่มโรงแรม หรือสนามกอล์ฟ
“เราคาดหวังจะลดหนี้ ด้วยการขายทอดตลาดกลุ่ม 1ที่มีประมาณ 7 พันล้านบาทและกลุ่ม 2 อีก 5 พันล้านบาทด้วยการว่าจ้างบริษัทบริหารหนี้และแบ่งกำไรขาดทุน ซึ่งจะทำให้มีรายได้กลับมาปล่อยสินเชื่อใหม่ราว 6 หมื่นล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 1.3 แสนล้านบาท ส่วนกลุ่ม 3 อีก 3 พันล้านบาท อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้”
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,464 วันที่ 25-27 เมษายน 2562