‘ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์’ หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจร โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 ทำรายได้เติบโต 3.8% เทียบไตรมาสก่อนหน้านี้ หลังรุกขยายฐานลูกค้ารถยนต์ให้เช่าระยะยาว ขณะที่ธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นขยายตัวโดดเด่น จากอัตราการใช้บริการโดยเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 5.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ด้านผู้บริหารประเมินกำไรสุทธินับจากนี้จะเริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินลดลง
นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) เผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ สามารถผลักดันการเติบโตได้ดี ทำรายได้รวม 762.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ที่มีรายได้รวม 728.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นจากยอดอัตราการใช้บริการเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยความสำเร็จดังกล่าว มาจากการทำตลาดภายใต้แนวคิด ‘รถใหม่ ไมล์น้อย’ เช่าคิดตามการใช้งานจริงหรือ asap GO ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มสถาบันการเงิน เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการเติบโตดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ได้เพิ่มฟลีทรถยนต์ให้เช่าในไตรมาส 1/62 อีกจำนวน 854 คัน เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยส่งผลให้ ณ สิ้น เดือนมีนาคม 2562 ASAP มีจำนวนรถยนต์ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 16,383 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ให้เช่าระยะยาว 15,461 คัน รถยนต์ให้เช่าระยะสั้น 668 คัน รถยนต์ให้เช่าคิดตามระยะทาง asap GO จำนวน 113 คัน และรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับจำนวน 141 คัน
ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBTDA ในไตรมาส 1/62 ทำได้ 457.37 ล้านบาท สูงขึ้น 4.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ที่ทำได้ 437.67 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 5.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% เทียบไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีกำไรสุทธิ 5.40 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถรับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงิน ที่มาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคาตามมาตรฐานทางบัญชีได้ดีขึ้น
“ในไตรมาสนี้ แม้ยังได้รับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ดี ทำให้เราสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ และเชื่อมั่นว่าต่อจากนี้ผลการดำเนินงานจะค่อยๆ ทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากนี้เป็นต้นไป”
นายทรงวิทย์ กล่าวต่อว่า แผนดำเนินงานต่อจากนี้ จะเดินหน้ารุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้ารถยนต์ให้เช่าระยะยาว และเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและ asap GO ให้มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ASAP เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการ รวมถึงการเปิดแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์ asap Select ที่คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการครบทั้ง 5 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับการให้บริการ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการ 1 แห่งได้ภายในกลางปีนี้