AQ จ่อฟ้องคดีแพ่ง KTB ให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของบจก.โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียลพาร์ค 3,898.70 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหาย ขีดเส้นภายใน 15 วัน มั่นใจไม่เกินสิ้นปี 62 หลุดเครื่องหมาย C แน่
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) (บมจ.) (AQ) ครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 มีมติอนุมัติให้ฟ้องคดีแพ่งบมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) และกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย (บอร์ดใหญ่) ให้ดำเนินการนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียลพาร์ค จำกัด (บจก.) จำนวน 3,898.70 ล้านบาท ไปชำระเป็นค่าความเสียหายในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือแก้ไขงบการเงินไตรมาสแรกปี 2562 ของธนาคารกรุงไทย ให้นำเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการชำระเงินต้นของบจก.โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค ในคดีแพ่งดังกล่าว เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์ตามระเบียบปฏิบัติของธนาคาร หรือเรียกเงินคืนจำนวน 3,898.70 ล้านบาทและหรือค่าความเสียหายอื่นๆ
ทั้งนี้ บริษัทให้ทนายส่งหนังสือบอกกล่าวให้แก่ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการแก้ไขการลงบัญชี โดยนำเงินจำนวน 3,898.70 ล้านบาทไปชำระเงินต้นภายใน 15 วันนับจากที่ธนาคารฯ ได้รับหนังสือบอกกล่าว หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวก็ให้ดำเนินคดีตามที่ขออนุมัติจากคณะกรรมการ
อนึ่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2562 บมจ.เอคิว เอส เตท ได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ถึงแนวทางการแก้ไขหลักทรัพย์ของบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C เนื่องจากมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว โดยระบุว่าสาเหตุจากที่บริษัทมีผลขาดทุนจำนวนมากเนื่องจากการตั้งสำรองภาระหนี้สินจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องชดใช้ให้ธนาคารกรุงไทยมีอยู่จำนวน 3,057.58 ล้านบาทเกิดจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้บริษัทร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายจำนวน 10,004.47 ล้านบาท บริษัท จ่ายชำระไปแล้วจำนวน 1,635.74 ล้านบาทคงเหลือภาระหนี้สินที่ต้องชดใช้จำนวน 8,368.73 ล้านบาท แนวทางแก้ไข การขายทอดตลาดที่ดินหลักประกัน จำนวน 4,300 ไร่ ซึ่งราคาของที่ดินที่ขายทอดตลาดคณะกรรมการกำหนดราคาขายอยู่ที่ 8,914.07 ล้านบาท สูงกว่าจำนวนเงินที่บริษัทต้องชดใช้
โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เป็นนัดแรกในการขายทอดตลาด มีผู้ประมูลที่ดินหลักประกันได้ในราคา 8,914.07 ล้านบาทโดยผู้ประมูลได้วางเงินมัดจําตามระเบียบที่สำนักงานบังคับคดีจำนวน 448.50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือผู้ประมูลได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินออกไปเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และในวันที่ 24 มกราคม 2562 ผู้ประมูลซื้อได้ชำระเงินจำนวน 3,819 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ประมูลกลุ่มที่ 1 ในส่วนทรัพย์ที่ประมูลกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โกลเด้นฯ ส่วนที่ดินกลุ่มที่ 3 เป็นกรรมสิทธิ์ของบจก.เคแอนด์วี เอส อาร์ เอส การ์เด้นโฮม ซึ่งบริษัทโกลเด้นฯ ถือหุ้น 99.97% ได้นำมาวางคํ้าประกันภาระหนี้ให้กับบริษัทโกลเด้นฯ โดยบจก.เคแอนด์วีเอส อาร์ เอส การ์เด้นโฮม ได้ยื่นเรื่องคำร้องเพิกถอนการขายทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นการขายไม่ชอบด้วยกฎหมายมี 4 คดี โดยคดีดังกล่าวศาลได้ยกคำร้อง ขณะนี้มี 1 คดีที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ โดยอยู่ในขั้นตอนรอผลการอุทธรณ์ขณะนี้ผู้ประมูลซื้อที่ดินดังกล่าวได้ยื่นเรื่องต่อศาลจะจ่ายส่วนที่เหลือเมื่อคดีเสร็จสิ้นโดยมีจำนวนเงินที่ชำระคงเหลือ 4,646.57 ล้านบาท
ภายหลังการชำระเงินส่วนที่เหลือแล้วเสร็จและธนาคารกรุงไทยได้รับชำระเงินเรียบร้อย สำรองภาระหนี้สินที่ตั้งไว้จะถูกโอนล้างผลขาดทุนสะสมจึงทำให้ผลขาดทุนคงเหลือ 3,375.73 ล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 6,632.73 ล้านบาท เมื่อเทียบกับส่วนของทุนที่จดทะเบียนและเรียกชำระแล้วหักส่วนตํ่ากว่ามูลค่าหุ้นมีจำนวนสุทธิ 9,902.86 ล้านบาท ได้อัตราส่วน 66.98% เกินกว่า 50% ตามเกณฑ์ ดังนั้นบริษัทสามารถที่จะแก้ไขเครื่อง หมาย C ได้ คณะกรรมการบริษัทเห็นควรให้รอผลที่ธนาคารกรุงไทยได้รับชำระเงินจากการประมูลขายที่ดิน 4,300 ไร่ คาดจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,501 วันที่ 1-4 กันยายน 2562