‘ทีวี ไดเร็ค’หรือ TVD ลุ้นผลงานไตรมาส 3/62 ฟื้น หลังปรับกลยุทธ์รับมือภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวและผลกระทบจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 7 ช่อง ทยอยยุติการแพร่ภาพ ลุยซื้อแอร์ไทม์เพิ่ม เตรียมเปิดตัวโฮมช้อปปิ้งช่องใหม่ พร้อมทยอยคลอดสินค้าใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงาม หวังดันยอดขายครึ่งปีหลังเต็มที่
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 7 ช่องที่ขอคืนใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่แก่ กสทช. ได้ทยอยยุติการออกอากาศแล้วบางช่อง ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการโฮมช้อปปิ้ง โดยคาดว่าภาพรวมตลาดโฮมช้อปปิ้งครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
จากปัจจัยดังกล่าวจึงได้ปรับแผนการดำเนินงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเร่งผลักดันยอดขายช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ทั้งในด้านยอดขายและความสามารถการทำกำไรขั้นต้น โดยได้เจรจากับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าทีวี ไดเร็ค เพื่อขอเช่าแอร์ไทม์สำหรับออกอากาศรายการแนะนำสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวโฮมช้อปปิ้งช่องใหม่ที่จะออกอากาศทางเคเบิ้ลทีวี รวมถึงร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ช เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
หลังจากบริษัทฯ เริ่มปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่ง ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น ทั้งในด้านยอดขายสินค้าและความสามารถการทำกำไรขั้นต้น โดยเฉพาะผลการดำเนินงานเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ และคาดหวังว่าจะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึง ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงผิวหน้าและบำรุงผิวกายที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญพัฒนาสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในกลุ่มนี้
“เราคาดว่าภาพรวมยอดขายสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ในการซื้อแอร์ไทม์เพิ่มและมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายได้ดีในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคืออัตราหนี้สินต่อครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแตะ 13 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย และอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค” นายทรงพล กล่าว