คอลัมน์ ครบเครื่องเรื่องทองกับ YLG
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์การ เมืองสหรัฐฯ ที่ถูกไต่สวนอย่างเป็นทางการ ถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ดีมีชาวอเมริกันไม่ถึงครึ่งที่สนับสนุนการถอดถอนทรัมป์ในครั้งนี้ แม้กระทั่งหลังมีประเด็นว่าทรัมป์โทร.หาประธานาธิบดียูเครนก็ตาม
Impeachment คือ กระบวนการไต่สวนเพื่อการถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยเป็นกระบวนการ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติใช้เพื่อการควบคุมการบริหารและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งการบริหารระดับสูง หรือการฟ้องร้องกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูงของรัฐบาล ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) เป็นองค์กรที่มีอำนาจพิจารณาและเสนอข้อกล่าวหาบุคคลต่อวุฒิสภา และวุฒิสภา (Senate) จะเป็นองค์กรที่มีอำนาจในการพิจารณาและลงมติตัดสินอันถือเป็นข้อยุติและมีผลให้บุคคลผู้ถูกกล่าวหาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผชิญกับกระบวนการดังกล่าว เนื่องจากมีการกล่าวหาประธานาธิบดี ทรัมป์ว่ามีการโทรศัพท์หาประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อขอให้ผู้นำยูเครนช่วยหาข้อมูลที่ให้ร้ายต่ออดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และลูกชาย นายฮันเตอร์ ไบเดน โดยหวังว่าจะสามารถสกัดความพยายามของโจ ไบเดน ที่จะเป็นตัวแทนเดโมเเครตชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปีหน้า นอกจากนี้ทำเนียบขาวพยายามปิดกั้นข้อมูลจากประชาชน ซึ่งรวมถึงการลบบทถอดความจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่สำหรับข้อมูลอ่อนไหว และนำไปใส่ในอีกระบบหนึ่งสำหรับข้อมูลลับ
ใช้ประวัติศาสตร์เป็นแนวทางจะพบว่า จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะถูกตัดสินว่า ให้ออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ มีเพียงนายแอนดรูว์จอห์นสัน และนายบิล คลินตัน เท่านั้นที่เผชิญกับกระบวนการถอดถอน อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ก็ถูกตัดสินให้พ้นผิดในที่สุด และมีเพียงนายริชาร์ด นิกสัน เท่านั้นที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก่อนที่กระบวนการถอดถอนจะเริ่มต้นขึ้น
จากสถิติในอดีตพบว่า กระบวนการถอดถอนนั้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อตลาดไม่มากนัก ขณะที่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ค่อนข้างไม่สอดคล้องกัน โดยหุ้นปรับตัวลดลงหลายเดือนหลังจากเริ่มกระบวนการไต่สวนการถอดถอนนายนิกสัน เนื่องจากในขณะนั้นมีปัจจัยสำคัญอีกมากมายที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน อาทิ การล่มสลายของระบบการเงินเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods monetary system), วิกฤติการณ์นํ้ามันปี 1973 และการเริ่มต้นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในยุค 70 ผิดกับกรณีของนายคลินตัน ที่ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 40% ภายใน 12 เดือน หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรประกาศแผนการที่จะถอดถอนนายคลินตันออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ดีในยุคประธานาธิบดีคลินตัน เป็นช่วงปลายยุค 90 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังแข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในตลาดกระทิงในหุ้นที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันจะพบว่าคล้ายคลึงกับในยุคของคลินตัน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีรอยร้าวอยู่บ้างก็ตาม ทำให้จนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวขึ้นได้ดีโดยไม่แยแสต่อภัยคุกคามจากกระบวนการถอด ถอน นี่จึงตอบคำถามได้ดีว่า เหตุใดทองคำจึงไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้แม้จะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯ ก็ตาม ที่สำคัญคือ ทองคำเคลื่อนไหวขึ้นลงไปตามปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ, ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ รวมไปถึงการ เคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นนักลงทุนทองคำจึงยังคงต้องติดตามข่าวสารอื่นๆประกอบการลงทุนเพื่อให้รู้เท่าทันการเคลื่อนไหวของราคา
ที่มาข้อมูล: public-law,net,usfunds.com,LPL financial,CNBC,Bisnews และ YLG
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3-5 ตุลาคม 2562