กรุงไทยผนึกบสย.ปล่อยกู้เอสเอ็มอี สิ้นปี 1.5 หมื่นล้านบาท หลัง 9เดือน อนุมัติแล้ว 4หมื่นล้าน คุมเอ็นพีแอล 2.21%
นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร กรุงไทยเปิดเผยว่า สินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ปีนี้น่าจะเติบโต 2.8% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 3.7แสนบาท ส่วนช่วงที่เหลือภายใต้ความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)ในแคมเปญ“กรุงไทย SME เคียงข้างธุรกิจคุณ”ประกอบด้วยสินเชื่อ SME 10 ประเภท อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 4% ต่อปี และสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ 1 ประเภท วงเงินปล่อยกู้รวม 50,000 ล้านบาท พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมประกันสินเชื่อกับบสย.4 ปีแรก โดยผู้ประกอบการ SME ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563
"คาดว่าช่วงที่เหลือจะอนุมัติสินเชื่อได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท และในปี 2563 จะสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้ 3% และพยายามรักษาคุณภาพสินเชื่อ(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ในระดับ 2.21%"
สำหรับสินเชื่อกรุงไทย SME เคียงข้างธุรกิจคุณ ประกอบด้วย สินเชื่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เงินกู้ระยะยาว คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเริ่มต้นที่ 4 % ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี สินเชื่อร้านธงฟ้าประชารัฐอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 4 % ต่อปีใน 6 เดือนแรกสูงสุด 20 ล้านบาท ผ่อนนาน 7 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันบสย.ค้ำประกันเต็มวงเงิน นอกจากนั้นสินเชื่อธุรกิจ EEC 4.0และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ใน 2 ปีแรก สูงสุด 20 ล้านบาท ผ่อนนาน 7 ปีและวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน บสย.ค้ำประกันเต็มวงเงิน
สินเชื่อรักกันยาวๆ สำหรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในกิจการหรือการขยายกิจการ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4 %ในปีแรก ปีต่อไปอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR -0.5% วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด10 ปี ปลอดต้น 12 เดือนและพิเศษสำหรับอาคารพาณิชย์ ผ่อนนานสูงสุด 20 ปีและสินเชื่อสำหรับคู่ค้าภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีเงื่อนไขพิเศษ สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหรือจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงาน ภาครัฐ ในเงื่อนไขพิเศษ ทั้งหนังสือค้ำประกันทันใจ (Krungthai Quick L/G) ประเภทยื่นซองประกวดราคาและค้ำประกันสัญญา สามารถอนุมัติได้ภายใน 1 วัน ให้วงเงินค้ำประกันสูงสุด 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสินเชื่อที่ครอบคลุมธุรกิจ SME เพื่อรองรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆเช่น สินเชื่อธุรกิจเกษตรแปรรูป สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มาจากการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อการบริโภค และทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร เงินกู้ระยะยาว ปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ปล่อยกู้สูงสุด 1.5 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนาน 10 ปี สินเชื่อเพื่อชำระภาษีกรมสรรพากร อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 4%ต่อปี วงเงินสูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน สูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี สินเชื่อบัญชีเดียว อัตราดอกเบี้ยปีแรก เริ่มต้น 4% สามารถกู้ได้สูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี สินเชื่อRobotic and Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ในปีแรก และปีต่อปิอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR -0.5% วงเงินปล่อยกู้สูงสุด 80% ของเงินลงทุน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี
สินเชื่อธุรกิจ10 S-Curve อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ในปีแรก สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ประกอบธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรม 10 S –Curve อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4 รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องเป็น Supply Chain ปล่อยกู้ วงเงินสูงสุด3 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี และสินเชื่อจ่ายดีทวีคูณ สำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ แต่มีข้อจำกัดด้านหลักประกัน วงเงินสูงสุด3 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี โดยสินเชื่อดังกล่าวนี้ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้น 4% และปีต่อไป MLR + 0.5%
นอกจากวงเงินกู้ระยะยาวที่ธนาคารสนับสนุน ผู้ประกอบการ SME นำเงินไปปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงขยายธุรกิจ ธนาคารยังเตรียมสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการทำธุรกิจ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษอีกด้วย
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบสย.กล่าวว่า โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 8(PGS8)วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการสินเชื่อ แต่ขาดหลักประกัน ให้สามารถกู้เงินและได้รับเงินกู้หรือสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ลดการกู้หนี้นอกระบบและช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน โดยกำหนดวงเงินค้ำประกัน ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2.25 แสนล้านบาท และเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 6.87 แสนล้านบาท