ตั้ง‘เอนก ปิ่นวนิชย์กุล’ซีอีโอ พลิก NEX สู่ผู้นำ Bus Industry

16 ม.ค. 2563 | 03:40 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2563 | 10:46 น.

NEX ดึง “เอนก ปิ่นวนิชย์กุล” นั่งซีอีโอคนใหม่มีผล13 ม.ค.นี้ ลั่นยุทธศาสตร์พลิกสู่ผู้นำ Bus Industry ครบวงจร หวังดันบริษัทกลับมีกำไรตั้งแต่ต้นปี 2563

 

นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (NEX) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา มีมติแต่งตั้ง นายเอนก ปิ่นวนิชย์กุล ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ และเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการนำผู้บริหารที่มีมุมมองและแนวคิดในการทำงานใหม่ๆ มีองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพมาร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท

 

สำหรับปีนี้บริษัทได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางที่ได้วางไว้ กล่าวคือ การเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจ Bus Industry ซึ่งนับต่อจากนี้เชื่อว่า NEX จะเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้รุกธุรกิจรถบัสโดยสารครบวงจร โดยมีทั้งรถบัสโดยสารระบบล้อเชื่อมระบบราง รถบัสท่องเที่ยว รถบัสรับส่งพนักงาน และรถบัสโรงเรียน ทำให้บริษัทมีรายได้ประจำที่แน่นอน จากรายได้ค่าเช่า พ่วงสัญญาซ่อมบำรุง และรายได้จากเช่าซื้อสัญญา ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมคาดว่าผลงานจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ต้นปี 2563

ตั้ง‘เอนก ปิ่นวนิชย์กุล’ซีอีโอ พลิก NEX สู่ผู้นำ Bus Industry

 

นับต่อจากนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีเกิดขึ้นกับ NEX เนื่องจากได้เจาะธุรกิจใหม่อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อวางรากฐานให้มีความพร้อมและสามารถเติบโตอย่างมั่นคง ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรายได้ รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งด้านธุรกิจและการเงินในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทมั่นใจว่า ภายหลังจากที่ได้พลิกโฉมธุรกิจสู่การเป็นผู้นำ Bus Industry อย่างครบวงจร ภาพรวมของธุรกิจบริษัทจะมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และในต้นปีนี้น่าจะได้เห็นผลการดำเนินงานพลิกเป็นกำไรได้นายคณาวุฒิ กล่าว

 

ผลประกอบการในงวด 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2562) บริษัทขาดทุนสุทธิ 59.80 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.25 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 34.68 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.15 บาท

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,540 วันที่ 16-18 มกราคม 2563