กยศ.เดินหน้า หักเงินเดือนลูกจ้างเอกชน อีก 4 แสนราย

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)เปิดเผยว่า กยศ.ตั้งเป้าเพิ่มบริษัทที่เข้าร่วมมาตรการหักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้กยศ.กับนายจ้างตรงอีก 4 แสนรายในปีนี้ โดยจะร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ให้กลุ่มลูกหนี้ที่ทำงานในธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีลูกจ้าง 10-20 คน รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมเข้าร่วมมาตรการด้วย ซึ่งเพิ่มเติมจากปี 2562 ที่หักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ที่อยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ 1 แสนบริษัท ส่งผลให้การหักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ กยศ. ของทั้งบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2562 จะมีทั้งหมด 1.8 ล้านราย ส่วนในปี 2564 กยศ.คาดการณ์จะหักบัญชีเงินเดือนได้ทั้งหมดอีก 1 ล้านรายต่อไป 

สำหรับแผนดำเนินงาน กยศ.ปี 2563 ตั้งเป้าหมายจะมียอดปล่อยกู้ให้กับนักเรียน และนักศึกษา ทั้งกลุ่มเก่าและใหม่ประมาณ 26,000 ล้านบาท และมียอดรับชำระหนี้เข้ามา 32,000 ล้านบาท และจะสามารถช่วยนักเรียน นักศึกษาได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 ราย ซึ่งวงเงินกู้ทั้งหมดจะใช้เงินกองทุน กยศ.เองทั้งหมด ไม่ต้องพึ่งพางบประมาณรัฐแต่อย่างใด ดังนั้น ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ที่อาจล่าช้า จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้กู้แต่อย่างใด

ส่วนความคืบหน้าการพักชำระหนี้ให้ 1 ปี สำหรับผู้กู้ยืมที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีการผ่อนชำระดี ที่มีประมาณ 4 แสนราย จากจำนวนผู้กู้ที่ถือบัตรสวัสดิการทั้งหมด 7.8 แสนรายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดลงทะเบียนแสดงความจำนงขอพักชำระหนี้ คาดว่าภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้จะได้ตัวเลขทั้งหมด โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะได้รับการพักชำระหนี้ในปี 2563 และชำระกลับเข้ามาอีกครั้งในปี 2564 ส่วนกู้ยืมที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  3.28 แสนราย ที่ผิดนัดชำระหนี้นั้น สามารถเข้าโครงการลดดอกเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระให้เหลือ 7.5% ต่อปีได้ 

ด้านนายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า แม้กสศ.จะใช้เงินงบประมาณในการบริหารจัดการช่วยเหลือนักเรียนยากจนให้ได้รับเงินทุนเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของการบังคับใช้พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ได้กำหนดการใช้เงินงบประมาณไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เนื่องจาก กสศ.มีระยะเวลาการจ่ายเงินค่าเทอมให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายในเดือนพ.ค.2563 ซึ่งหากในเดือนมี.ค.2563 งบประมาณยังใช้ไม่ได้ก็ไม่น่ามีปัญหา และยังสามารถช่วยเหลือนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ไม่ต่ำกว่า 9 แสนคนเช่นเดิม 
 

ทั้งนี้ กยศ. ยังได้ลงนามความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลนักเรียน นักศึกษา นำไปประโยชน์ในการสร้างโอกาสทางการศึกษา ซึ่งส่งผลให้นักเรียน หรือนักศึกษา จะไม่สามารถรับทุนการศึกษาจาก กสศ.ไปพร้อมๆ  กับการกู้ยืมเงินจาก กยศ.ในช่วงเวลาเดียวกันได้ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนได้มากขึ้นและลดปัญหาการให้ทุนการศึกษาซ้ำซ้อนกัน

“ความร่วมมือของ กยศ. และ กสศ. จะเน้นการดูแลสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก และเยาวชนเกิดความต่อเนื่อง  เช่น ช่วงระดับอนุบาลจนถึงมัธยมต้น ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อาจใช้สิทธิขอทุนการศึกษาจาก กสศ.ได้ แต่หลังอายุ 15 ปี เป็นต้นไปจนถึงระดับปริญญาตรีก็เข้ามาขอกู้ กยศ.ได้ต่อ”