นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)หรือ VGI กล่าวว่าในไตรมาสนี้ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน มีพัฒนาการเติบโตขึ้นในทุกประเภทเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งทำรายได้รวม 1,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% โดยได้รับประโยชน์จากการควบรวมงบการเงินของธุรกิจการให้บริการโฆษณาในต่างประเทศในกลุ่มของสื่อกลางแจ้งรวมถึงการพัฒนาการที่ดีอย่างมีนัยสำคัญของ สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชนที่เพิ่มขึ้น 11% คิดเป็น 654 ล้านบาท และ จากสื่อโฆษณาในอาคาร สำนักงาน รวมถึงสื่ออื่นๆ เพิ่มขึ้น 12% คิดเป็น 108 ล้านบาท โดยรวมนั้นมาจากความต้องการใช้สื่อที่มากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น (high season) หรือช่วงตุลาคม – ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งสื่อแบบ Static และ Digital จึงส่งผลให้เกิดอัตราการใช้งานเพิ่มสูงมากขึ้น
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อกลางแจ้งเพิ่มถึง 52% คิดเป็น 450 ล้านบาท นับว่าสูงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ผลมาจากการเติบโตของสื่อประเภทสตรีทเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาในต่างประเทศที่ผ่านการควบรวมงบการเงินของ PBSB โดย MACO ซึ่งตอบรับกับทิศทางการดำเนินงานในอนาคตของ MACO ที่พร้อมมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว
สำหรับธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 654 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% ซึ่งการเติบโตมาจากการรับรู้รายได้ของ VGI Digital Lab เอเจนซี่สื่อออนไลน์ครบวงจรที่มุ่งเน้นการสร้างแคมเปญการตลาดดิจิทัลออนไลน์ โดยใช้แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล (DMP) ของกลุ่ม ซึ่งบริการดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมาก และมีผลตอบรับที่ดีทั้งจากแบรนด์ชั้นนำในประเทศและระดับโลก
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 387.5 ล้านบาท ในอัตรา 0.045 ต่อหุ้น จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 6 มีนาคม 2563
ด้านโบรกเกอร์ให้มุมมองเชิงบวกต่อหุ้น VGI ด้านบล.เคทีบี(ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้น VGI โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิไตรมาส 3 ของปี 2562/63 ที่ 401 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าตลาดคาด มาจากสัดส่วนรายได้ของสื่อบนรถไฟฟ้า ซึ่งมี margin ดีปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริหาร cost ของ online business ได้ดีขึ้น และ equity income ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยคงประมาณกำไรสุทธิปี 2563 และ 2564 ที่ 1,408 และ 1,698 ล้านบาท ขยายตัว 28% และ 21% ตามลำดับ จากสมมติฐาน เม็ดเงินโฆษณากลุ่ม OOH ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง , GPM อยู่ที่ 53.5% และ 52.9% ตามลำดับปรับตัวลงเล็กน้อยจากการควบรวม Trans.Ad และ PBSB ของ MACO และ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Kerry เต็มปีตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะเห็น Synergy ที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 ทั้งนี้ ประเมินส่วนแบ่งกำไรจาก Kerry อยู่ที่ 22.5% ของกำไร VGI ปี 2563
ส่วนกรณีที่ VGI ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดให้ VGI ชำระค่าเสียหายแก่ Midas Global Media จำนวน 579 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันที่เสนอข้อพิพาท (25 มิ.ย. 2561) แต่ VGI จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนคำชี้ขาด เนื่องจากคำชี้ขาดยังไม่เป็นที่สิ้นสุด จึงไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการ ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางกับประเด็นข้างต้น ซึ่งได้สอบถามไปยัง VGI ได้รับคำยืนยันว่า บริษัทฯจะยื่นเรื่องต่อศาลแพ่งภายใน 90 วัน และคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการพิจารณานาน ซึ่งมองว่าจะไม่กระทบต่อผลประกอบการของ VGI ในระยะอันใกล้ หากทาง VGI ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อ Midas ประเมินว่าจะกระทบอยู่ที่ 0.082 บาทต่อหุ้น
ราคาหุ้นปรับตัวลง และ underperform SET -5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่าน จากความกังวลเรื่องการฟ้องร้องนายกสมาคมฯฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่เอื้อประโยชน์ให้ PLANB อีกทั้ง มีป้ายบางส่วนของ MACO, Hello Bangkok LED ที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งทางบริษัทฯได้อยู่ระหว่างการดำเนินการขอใบอนุญาต ประเมินว่าผลลัพธ์ของทั้ง 2 กรณีจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้เริ่มเข้าไป "ซื้อ" สะสม
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุว่าปัจจัยที่ผลักดันในไตรมาส3 นี้ คือรายได้สื่อบนรถไฟฟ้าขยายตัวทำสถิติใหม่ 654 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้นหลังการ upgrade เป็นสื่อดิจิตอลระหว่างปี ขณะที่สื่อกลางแจ้ง ได้ประโยชน์จากการรวมงบของหน่วยงานต่างประเทศ (PBSB) นอกจากนี้การลงทุนแพลตฟอร์มสื่อดิจิตอลระหว่างปี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มเร่งตัวขึ้นเป็น 49.9% จาก 47.5% ไตรมาสก่อน
ขณะที่ VGI มีกลยุทธ์ทำสื่อแบบ O2O นั่นจึงทำให้รายได้ในสื่อทุกประเภทขยายตัว พร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มจะเร่งตัวสูงขึ้นอีกด้วย แม้ว่า VGI จะมีความเสี่ยงด้านคดีความเพิ่มเข้ามา แต่ทางบริษัทมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลงมา 13% จากเดือน พ.ย. 2562 ขณะที่กำไรทำสถิติใหม่ และมีโมเดลแข็งแกร่ง คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 10.70 บาท/ หุ้น
บล.ทิสโก้ ยังคงคำแนะนำเป็น "ซื้อ" VGI จากกำไรสุทธิไตรมาส 3 ของปี 2562/63 เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดคาดภาพรวมสื่อโฆษณานอกบ้านยังมีโอกาสเติบโตจากสัดส่วนที่ยังต่ำเทียบกับอุตสาหกรรมโฆษณารวม แนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านร่วมกับ PLANB, การเข้าร่วมทุนกับธุรกิจโลจิสติกส์ (Kerry TH) เพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และใช้ฐานข้อมูลที่บริษัทมีอยู่เชื่อมโยงแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกันให้บริการ O2O Solutions
คาดกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปีนี้เติบโต 17% (CAGR3y) ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.70 บาท และอยู่ระหว่างปรับประมาณการใหม่หลังบริษัทได้ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น MACO หลังจากที่ MACO ได้ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ PLANB ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO ลดลงจาก 33.17% เป็น 26.55% ทำให้ MACO เปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของ VGI ซึ่งจะทำให้บริษัทบันทึกเป็นกำไรหรือขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนแทนการควบรวมงบการเงินของ MACO ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2562/63 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ในปี 2562/63 จาก 6,000-6,200 ล้านบาท เป็น 3,800-4,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตของรายได้ประมาณ 15-20% และอัตรากำไรขั้นต้นจาก 20-25% เป็น 30-35%