JDB Bank ประเดิมไทย  ปูฐานลุยอาเซียน

01 มี.ค. 2563 | 23:35 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มี.ค. 2563 | 06:37 น.

 

หลังทำธุรกิจในสปป.ลาวมา 30 ปี วันนี้ JDB Bank เดินเกมรุกเต็มรูปแบบ ด้วยยุทธศาสตร์ขยายตลาดลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ประเดิมไทยเป็นประเทศแรก ด้วยการเปิดตัวInvestment Center เพื่อเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินกับนักลงทุนแบบครบวงจร ทั้งนักลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในสปป.ลาว และนักลงทุนลาวที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย

นายเอกกะพัน พะพิทัก ประธานสภาบริหาร Joint Development Bank
(JDB Bank) เปิดเผยว่า เรามองว่า ศักยภาพการลงทุนของไทยยังดี มีกำลังซื้อด้านการลงทุนที่ดี ประกอบกับกลุ่มลูกค้าคนไทยค่อนข้างมีศักยภาพ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของตลาดทุนของ 2 ประเทศด้วย โดยสำนักงาน JDB Representative Office ในกรุงเทพฯจะให้บริการในรูปแบบ Private Banking คือ ให้คำปรึกษากับนักธุรกิจไทยที่อยากลงทุนหรือทำธุรกิจในสปป.ลาว โดยตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางประสานงานให้นักธุรกิจได้พบปะเชื่อมสัมพันธ์ เพื่อนำไปสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคง

ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของศูนย์ที่ไทย จะมุ่งเจาะตลาด SMEs และที่อยากแนะนำคือ ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม ทัวร์ หรือการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวใน สปป.ลาว เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจอันดับ 1 ของสปป.ลาว หรือสินค้าเกี่ยวกับอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันเรายังเป็นธนาคารใหญ่ในลาว มีฐานข้อมูลของลูกค้าและธุรกิจในสปป.ลาว ดังนั้นหากนักลงทุนไทยสนใจ สามารถให้คำแนะนำจนไปสู่การจับคู่ทางธุรกิจของไทยกับธุรกิจทางลาวให้เติบโตก้าวหน้าได้ในอนาคต และเรายังได้ลงนามความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เพื่อขับเคลื่อนการค้าการลงทุนไทย-สปป.ลาว โดย EXIM Bank อาจปล่อย Syndicated Loans เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนได้มีทางเลือก

JDB Bank ประเดิมไทย  ปูฐานลุยอาเซียน

เอกกะพัน พะพิทัก

ต้องการจะให้ศูนย์นี้เป็น Investment Center ให้กับนักลงทุน ทั้งไทยและลาว ก็จะสามารถมาหาเราเพื่อขอคำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่สปป.ลาว หรือการจัดตั้งบริษัท เรื่องภาษี การตรวจสอบบัญชีต่างๆ ที่นี่จะให้บริการแบบครบวงจร และยังให้ Banking Facilities ได้ด้วยคือ เรามองว่าถ้านักลงทุนมาที่นี่ จะได้ข้อมูลครบถ้วน ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคง ส่วนในอาเชียนจะขยายการลงทุนไปในกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา หรืออาจไปถึงอินโดนีเซีย โดยอาจไปตั้งสำนักงานผู้แทน (Representative Office) ในประเทศต่างๆ

 

 

“เอกกะพันเล่าว่า เดิมธนาคารชื่อ ธนาคารร่วมพัฒนา เป็นธนาคารร่วม 2 ประเทศระหว่างนักธุรกิจคนไทยคือ คุณหญิงสุวรรณี สิงห์สมบุญพัวไพโรจน์  ซึ่งได้ใบอนุญาตจัดตั้งเมื่อปี 2532 และธนาคารแห่งสปป.ลาว ต่อมาปี 2556 ตนได้เข้าบริหารและถือหุ้น 100% จึงเปลี่ยนชื่อเป็นJDB Bank” เพื่อให้ทันสมัยและสากลมากขึ้น โดยเริ่มจากทุนจดทะเบียน 40 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็น 50 ล้านดอลลาร์ มีการพัฒนาระบบไอที Core-banking ระบบ Oracle (การจัดการฐานข้อมูล) ระบบบัตร (UnionPay Visa)ให้ทันสมัยได้มาตรฐานสากล เพื่อทัดเทียมในอาเซียน

 

ขณะเดียวกันยังพัฒนาปรับปรุงในเรื่องของบุคคล จัดการฝึกอบรม เสริมระบบไอทีเข้ามาและเพิ่มสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอนนี้มี 60 หน่วยบริการแล้วทั่วสปป.ลาว ทำให้ทรัพย์สินจากที่มีอยู่ 50 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็นกว่า 500 ล้านดอลลาร์ เป็นการขยายตัวอย่างเข้มแข็ง มีการบริการแบบสากล ว่องไว ทันสมัย โดยมีธนาคาร UOB สิงคโปร์ เป็น Correspondent Bank เกี่ยวกับธุรกรรมการโอนเงินต่างประเทศจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศอื่นๆ ส่วนการโอนเงินระหว่างไทยกับสปป.ลาว เราได้ทำ Correspondent Bank กับธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทย มาร่วมเป็นพันธมิตร

ปัจจุบันเราเป็นธนาคารชั้นนำอันดับต้นที่โดดเด่นเรื่องบริการครบวงจร ได้รับความน่าเชื่อถือและไว้ใจในสังคมลาว ทำให้เราอยู่มาได้ถึง 30 ปี ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 100% เพราะคิดว่าจะทำให้มันก้าวกระโดดจึงต้องมีเป้าหมายเป็นที่ตั้งและต้องทำให้ได้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปีหน้ายังมีแผนเพิ่มลงทุนหรือระดมทุนอีก 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อปล่อยสินเชื่อและเพิ่มทุนตามนโยบายแบงก์ชาติ โดยหาแหล่งทุนมาเพิ่ม เพื่ออัดฉีดเข้าไปในโครงการของรัฐบาล” 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,553 วันที่ 1-4 มีนาคม 2563