นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากจุดแข็งของ OSP ที่มีตราสินค้าแข็งแกร่งทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคลที่เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และสามารถพัฒนานวัตกรรมได้ตรงความต้องการและทันสถานการณ์ แม้ว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP ยังครองความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ด้วยส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) รวมเพิ่มขึ้นเป็น 54% โดยมีแบรนด์ เอ็ม-150 มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นและยังคงครองอันดับ 1 ของตลาด ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์ (Functional Drink) มีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใส่ใจสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แบรนด์ ‘ซี-วิต’ มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 31.3% และช่วยผลักดันให้ภาพรวมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ในไตรมาสนี้เติบโตถึง 16.1%
ขณะที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตได้ดี จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและทันเหตุการณ์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ 70% สำหรับล้างมือที่มีเอกลักษณ์และคุณสมบัติพิเศษต่างจากสินค้าอื่นๆ ในท้องตลาด ได้แก่ เจลล้างมือและสเปรย์ทำความสะอาดมือภายใต้แบรนด์ ‘โอเล่’ ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมซิกเนเจอร์ของลูกอมโอเล่ เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่มองหาเจลล้างมือที่มีกลิ่นหอม และ ผลิตภัณฑ์ ‘เบบี้มายด์ แนชเชอรัล แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เจล’ สำหรับคุณแม่ที่ต้องการแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือสำหรับผิวอันบอบบางของลูกน้อย เพิ่มความมั่นใจในความอ่อนโยนด้วยสารสกัดอโลเวร่าออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองจากสถาบันรับรองออร์แกนิกระดับโลก ECOCERT® ขณะเดียวกัน ยังผลักดันการเติบโตของช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยยอดขายเติบโตสูงถึง 3 เท่า
“สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจ แต่โอสถสภายังคงแข็งแกร่งจากการมีพอร์ตสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม และจากการที่บริษัทได้เตรียมแผนรับมือล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะมีการระบาดรุนแรง ทั้งแคมเปญการตลาด ด้านการผลิต ซัพพลายเชน และการจัดส่งสินค้า ส่งผลให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยไม่หยุดชะงัก แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ที่สำคัญ บริษัทยังคงดูแลพนักงานให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ยังไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานออก และพร้อมจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการยับยั้งโควิด-19 อย่างสุดความสามารถ”