โครงการ “คลินิกแก้หนี้” ที่เกิดขึ้นจากการคิดริเริ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2560 ด้วยความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารเจ้าหนี้ให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เบ็ดเสร็จครบวงจรในที่เดียว และแม้ว่าปัจจุบันโครงการฯจะเดินเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้วก็ตาม ก็ยังมีประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โควิดแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้
บริษัท บริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SEM) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางเชื่อมโยงระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ ได้รวบรวมประเด็นคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของโครงการคลินิกแก้หนี้ พร้อมคำตอบรวม 10 ข้อ ดังนี้
1.จุดประสงค์ ระยะเวลาของมาตรการ และผู้ที่ได้รับสิทธิตามมาตรการนี้
-มาตรการนี้มุ่งลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและลดความกังวลใจของลูกหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้ที่รายได้ลดและกังวลใจวาจะจ่ายหนี้ไม่ได้
-เป็นระยะเวลา 6 เดือน เมษายน-กันยายน 2563
-ลูกหนี้ของโครงการคลินิกแก้หนี้ได้รับสิทธิทุกคน
2.ต้องทำอะไรบ้างเพื่อรับสิทธิตามมาตรการครั้งนี้
-ลูกหนี้ของโครงการทุกคนได้รับสิทธิโดยอัตโนมัติ
-ไม่ตองโทรมาที่ Call Center เพื่อขอรับสิทธิ
3.การเลื่อนกำหนดชำระค่างวด คืออะไรและมีผลอย่างไร
-การเลื่อนกำหนดชำระค่างวดออกไป 6 เดือนจากเม.ย. 2563 เป็นกันยายน 2563
-ในช่วง 6 เดือนนี้โครงการฯ ผ่อนปรนถ้าไม่สามารถจ่ายค่างวดได้เต็มจำนวนจะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้และไม่เสียประวัติในฐานข้อมูลเครดิต
-การเลื่อนกำหนดชำระค่างวดเป็นเพียงการผ่อนปรนเลื่อนวนครบกำหนดชำระออกไปเท่านั้น ภาระที่จะคืนยังมีอยู่เหมือนเดิมในช่วงนี้แม้ว่าจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแต่ดอกเบี้ยยังเดินอยู่ตามปกติ
4.ช่วง 6 เดือนนี้ถ้าจ่ายงวดได้ไม่ครบจะมีผลต่อประวัติการผ่อนชำระในฐานข้อมูลเครดิตบูโรหรือไม่
- วันกำหนดชำระค่างวดได้เลื่อนออกไป 6 เดือน
-ดังนั้น ในช่วงนี้ถ้าจ่ายค่างวดได้ไม่ครบ หรือจ่ายไม่ได้เลย จะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ประวัติจึงไม่เสีย
5.สำหรับลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพที่สามารถจ่ายได้ตามปกติควรจะทำอย่างไร?
-ถ้าท่านเป็นลูกหนี้ที่มีศักยภาพมีเงินพอที่จะชำระหนี้ตามแผนเดิมท่านควรจ่ายชำระตามแผนเดิมเพราะจะทำให้ภาระหนี้ของท่านลดลง
-การผ่อนชำระเข้ามาตามปกติในช่วง เม.ย-ก.ย.63 จะทำให้ได้รับสิทธิพิเศษลดดอกเบี้ย 2% จากอัตรา ปกติ
-มาตรการผ่อนปรนการชำระค่างวดเป็นเพียงการผ่อนปรนเลื่อนกำหนดชำระออกไปเท่านั้น และช่วงที่เลื่อนออกไปยังคิดดอกเบี้ยตามปกติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
6.มาตรการผ่อนปรนในครั้งนี้ หมายความว่า ลูกหนี้ที่มีศักยภาพไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ตามปกติใช่หรือไม่
–ไม่ใช่ ลูกหนี้ที่มีศักยภาพยังคงสามารถชำระได้ตามปกติมาตรการในครั้งนี้มุ่งบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ที่จ่ายไม่ได้เป็นสำคัญ
7.ทำอย่างไรเพื่อที่จะทำให้ได้รับสิทธิการลดดอกเบี้ยให้2 % ? ต้องจ่ายชำระค่างวดเท่าไรถึงจะได้รับสิทธินี้?
-ลูกหนี้ของโครงการที่มีการผ่อนชำระเข้ามาต่อเนื่องในช่วง เม.ย-ก.ย. 2563 จะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยโดยอัตโนมัติไม่ต้องโทรมาเพื่อขอรับสิทธิ
-ทุกท่านที่มีการจ่ายชำระค่างวดเข้ามาจะได้รับสิทธิ ลดดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ดี โครงการแนะนำว่าให้จ่ายชำระเข้ามาครั้งหนึ่งถ้าทำได้
8.ปัจจุบันยังไม่ได้เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้แต่สนใจ และจะสมัครช่วง เม.ย.-ก.ย. 63 จะสามารถได้รับสิทธิตามมาตรการที่ประกาศหรือไม่
-ผู้สนใจจะได้รับสิทธิตามมาตรการถ้าสมัครในระยะ 6 เดือนที่กำหนด
-อยากจะแนะนำให้รีบสมัครจะได้ลดภาระดอกเบี้ย จ่ายลงค่อนข้างมาก และอัตราดอกเบี้ยที่โครงการคิดถือว่าผ่อนปรนมาก เมื่อเทียบกับอัตราปกติในตลาด และยังสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 10 ปี
9.ผู้ที่เคยเป็นลูกหนี้ในโครงการแต่ด้วยเหตุจำเป็น ทำให้ไม่สามารถจ่ายและต้องออกจากโครงการไปจะสามารถรับสิทธิตามโครงการได้หรือไม่
-ปัจจุบันมีการผ่อนปรนให้ลูกหนี้ที่ออกจากโครงการไปในช่วงปี 2560-61 ให้สามารถกลับเข้าโครงการได้ โดยจะได้ขอเสนอเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม และถ้ากลับเข้าโครงการในช่วงนี้ก็จะได้สิทธิ ประโยชน์ตามมาตรการล่าสุดด้วย
10.ปัจจุบันที่มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และถ้าต้องการติดต่อทางคลินิกแก้หนี้ควรทำอย่างไร
-คลินิกแก้หนี้ยังเปิดดำเนินการตามปกติ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 17.00 น. เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลง
-แต่อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยชาติลดโอกาสการติดเชื้อ แนะนำให้ติดต่อโครงการผ่านช่องทางอื่นๆ ดังนี้
1.Line @debtclinicbysam มีข้อสงสัยคำถามใดๆทางโครงการจะติดต่อกลับ หรือ
2. Website : www.คลินิกแก้หนี้.com ; www.debtclinicbysam.com ท่านสามารถสมัคร เข้าโครงการผ่านช่องทางนี้ได้
3.Call Center โทร 0-2610-2266
ข้อมูล : บริษัท บริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SEM)