นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ “สสว.” เปิดเผยว่า สสว. กำลังจะดำเนินการเรื่องการแก้ไขร่างระเบียบจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโครงการภาครัฐ เพื่อเตรียมเสนอให้ "กรมบัญชีกลาง" กระทรวงการคลังพิจารณา โดยเบื้องต้นกำหนดสัดส่วนให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศไม่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าโครงการ คาดว่ามีความชัดเจนภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ เพื่อให้ทันการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 64
ทั้งนี้ เดิมทีการจัดซื้อจัดจ้างจะกำหนดสัดส่วนการใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศ 30% หรือต่ำกว่า ซึ่งทำให้ภาพรวมการใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศต่ำมาก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของมูลค่าจัดซื้อจัดจ้างทั้งประเทศที่มีมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 1.3 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นหลังจากแก้ไขร่างดังกล่าวแล้วจะทำให้สัดส่วนการใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ที 3-4 แสนล้านบาทต่อปี
“ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมหารือกับ สสว. เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว ซึ่งก็น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน”
นายวีระพง์ กล่าวต่อไปอีกว่า สสว.คาดอัตราการขยายตัว (จีดีพี) ของเอสเอ็มอี ปีนี้น่าจะติดลบ 5.6% ถึงติดลบ 6.3% คิดเป็นสัดส่วน 35% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ปีนี้คาดติดลบ 5-6% โดยยอมรับว่าประมาณการณ์จีดีพีเอสเอ็มอีปีนี้ติดลบมากกว่าจีดีพีของประเทศ เนื่องจากส่วนใหญ่เอสเอ็มอีของไทยเป็นภาคบริการที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโรงแรม ทัวร์ สปา ร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” อย่างรุนแรงและยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาดำเนินกิจการได้เป็นปกติ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากกิจการในกลุ่มดังกล่าวฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 2 นี้ก็มีโอกาสที่จีดีพีเอสเอ็มอีจะปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้