ครม.มีมติรับทราบมาตรการ "คนละครึ่ง-เพิ่มวงเงินบัตรคนจน"

22 ก.ย. 2563 | 10:44 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2563 | 01:56 น.

"โฆษกรัฐบาล" เผยครม.มีมติรับทราบมติศบศ. "มาตรการคนละครึ่ง" และ เพิ่มวงเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ระบุ คลังทำรายละเอียดเสนออีกครั้งสัปดาห์หน้า 

วันที่ 22 ก.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.มีมติรับทราบ "โครงการคนละครึ่ง" ตามมติการประชุมของคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ซึ่งกระทรวงการคลัง จะนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ดังนั้นวันนี้จึงยังไม่ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการ 

 

"ส่วนของหลักการก็เห็นชอบให้กระทรวงการคลังนำไปพิจารณาในรายละเอียด ในวันนี้ ทางกระทรวงการคลังยังไม่ได้นำเสนอมายังที่ประชุมครม. คาดว่าจะเป็นวันอังคารหน้า"นายอนุชา กล่าว

 

นายอนุชา ยืนยันว่า สาเหตุที่ยังไม่เสนอที่ประชุมครม.ไม่เกี่ยวกับการที่ยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่าในเรื่องมาตรการที่อยากทำให้รัดกุม รวมไปถึงต้องการให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เจ้าถึงโครงการคนละครึ่ง นี้ให้มากที่สุด จึงต้องนำกลับไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามก่อนการแถลงของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.ได้มีการอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณเงินกู้ที่จะดูแลเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งได้กำหนดวงเงินไว้จนถึงปีหน้าที่จะทยอยออกมาเป็นงวดๆเป็นกลุ่มงานออกไป

 

โดยวันนี้ที่ประชุมครม. 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการคนละครึ่ง  3,000 บาท ให้ประชาชนทั่วไป และ2.โครงการเพิ่มวงเงินซื้อของกินของใช้ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  

 

โดยการใช้วงเงินส่วนนี้เพื่อหมุนเวียนในระบบให้เกิดการบริโภค โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าขายปลีก สิ่งที่ได้เน้นย้ำคือให้ประชาชนเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลหรืออีวอลเล็ทและคิวอาร์โค้ด ซึ่งทุกร้านจะต้องมีคิวอาร์โค้ดเพื่อรัฐบาลจะจ่ายเงินลงไปโดยไม่ต้องผ่านใคร

 

"โดย 2 โครงการนี้ที่ครม.อนุมัติจะเป็นการกระตุ้นค่าใช้จ่าย เพิ่มกำลังซื้อ ลดค่าครองชีพ เมื่อมีคนจับจ่ายใช้สอย พ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็จะมีเงินไปต่อยอด ซื้อขายต่อไปเรื่อยๆ ตรงนี้ไม่ได้เป็นการสนับสนุนผู้ที่มีรายได้สูงแต่ประการใด"นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการ "คนละครึ่ง" และการเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ. ครั้งที่ 3/2563  ที่อนุมัติหลักการ มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ วงเงินรวม 51,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนระดับฐานราก

 

ประกอบด้วย 1.โครงการคนละครึ่ง วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เปิดให้ผู้มีสิทธิ์ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 10 ล้านคน เริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com  ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม และเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์วันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 โดยรัฐบาลจะสมทบการใช้จ่ายให้สูงสุดวันละ 100 บาทต่อวัน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ

 

สำหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมายร้านค้าจำนวนประมาณ 100,000 ร้าน โดยร้านค้าสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย

 

2.เพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 21,000 ล้านบาท จำนวน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท โดยจะได้รับเพิ่มคนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในมาตรการนี้จะเป็นเงินที่ดึงมาจากงบฟื้นฟูฯ 400,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม.เคาะวันหยุดยาว 19-22 พ.ย. และ 10-13 ธ.ค.

ครม.เคาะงบ 2,177 ล้าน จ่าย "อสม.-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" สู้โควิด

เช็กที่นี่ มติครม. "ซานต้าตู่" ควัก 7 หมื่นล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ

เปิดเหตุผล ครม. เคาะ "วันหยุดยาว" เดือน พ.ย.และธ.ค.