นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) สลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับหลักเกณฑ์การพิมพ์และจำหน่ายสลาก ให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา โดยจากเดิมจะมีการพิมพ์แบบเรียงเลข 33 ล้านใบ และแบบคละเลข 67 ล้านใบ เป็นพิมพ์แบบคละเลขทั้งหมด 100 ล้านใบ เพราะที่ผ่านมามีการขายต่อมารวมชุดใหญ่ โดยเฉพาะจากกลุ่มเรียงเลข 33 ล้านใบ
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการจำหน่ายยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบสูตร 2-2-1 หรือ สลากชุด 2 ใบ ที่มีเลขเหมือนกัน รวมเป็น 4 ชุด และสลากคละเลข 1 ชุด หรือแบบสูตร 2-1-1-1 หรือ สลากชุดที่มีเลขเหมือนกัน 2 ใบ และสลากคละเลขใบเดี่ยวอีก 3 เล่ม ซึ่งจะได้ข้อสรุปในการประชุมบอร์ดในเดือนตุลาคม 2563 และเริ่มใช้สูตรดังกล่าวในงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป
"ในอนาคตการรวมชุดมากกว่า 2 ใบขึ้นไป จะเป็นไปได้น้อยมาก ความน่าจะเป็นจะต่ำลง และสูญหายไปในระบบได้เอง ก็จะทำให้ขายในราคากว่าปัจจุบันได้ ที่ขายกันใบละ 100 บาท และการจะซื้อแบบรวมชุดจะลดลงไปได้เอง โดยต่อไปการทำหวยชุดออกมาจะเหลือสูงสุดได้แค่ 5 เล่มเท่านั้น และจากนี้ไป จะเห็นการรวมชุด 10-30 ใบ จะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งจะไม่เห็นโอกาสคนที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 60 ล้านบาท 90 ล้านบาท จะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งเป็นข้อดีทำให้คนถูกรางวัลเพิ่มมากขึ้น เพราะกระจายสลากไปมากขึ้น"นายธนวรรธน์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการพิจารณาการเปิดให้ผู้ค้ารายใหม่ เข้ามาขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบซื้อ-ของขายสลากเพิ่ม แต่อาจต้องใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง แต่เบื้องต้นจะประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจท้องที่ ทำการคัดกรองผู้ค้าสลากจริง ที่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานสลากฯ เพื่อลดปัญหาการขายช่วงต่อลง
โดยหากสามารถคัดกรองผู้ไม่ใช่ผู้ค้าจริงได้ ก็จะนำมาสู่การพิจารณาการเปิดลงทะเบียนผู้ค้ารายใหม่ แต่ในจำนวนดังกล่าว คาดว่าจะมีประมาณ 10,000 ราย ซึ่งจะเป็นโควตาที่เหลือจากการซื้อจองในวันแรก โดยไม่ได้มีการพิมพ์สลากเพิ่ม จากปัจจุบันที่จัดพิมพ์อยู่ที่ 100 ล้านใบ
ส่วนการตัดสิทธิ์ข้าราชการออกจากผู้มีสิทธิ์ซื้อจองสลากนั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาในที่ประชุมครั้งนี้ แต่ตามกฎหมายไม่ได้มีการบังคับห้ามอาชีพที่จำหน่ายสลากได้ เพราะสามารถจำหน่ายในนอกเวลางานได้ หรือการหารายได้พิเศษได้