ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปี 2564 อาจจะเป็นลักษณะ Double Dip หรือมีโอกาสเศรษฐกิจจะถดถอยซ้ำอีกจากการระบาดของ COVID-19 รอบสอง ในกรณีมีการระบาดรอบสองทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2564 จะเติบโตต่ำกว่า 1% จากเดิมคาดการณ์โตมากกว่า 4% ผลกระทบจาก COVID-19 จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างช้าๆ ต้องใช้เวลาจนถึงปี 2567 ถึงจะเติบโตได้ 2% ส่วนผลกระทบที่เกิดกับตลาดหุ้นไทยจะเห็นตลาดหุ้นปรับลดลงในไตรมาสแรกปี 2564 ก่อนที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 2 ปีหน้า เนื่องจากฐาน GDP ที่ติดลบในไตรมาส 2 ปีนี้ ในสภาวการณ์เช่นนี้ การกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสินทรัพย์ เพื่อคงการรักษาผลตอบแทน จะเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิด 10 หุ้น กลาง-เล็ก มีโอกาสชนะตลาด
"ทรีนีตี้" ตั้งเป้าลูกค้า 1,000 ราย ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
"ทรีนีตี้"มองหุ้นเดือนกันยาฯขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น
Bitkub จับมือ ทรีนีตี้ นำคุณสู่โลกลงทุนยุคใหม่กับ Cryptocurrency
“ปี 2562-2563 สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอันดับต้นๆ คือดัชนี NASDAQ ให้ผลตอบแทน 35% ในปี 2562 และ20% ในปี 2563, บิทคอยน์ ให้ผลตอบแทน 95% ในปี 2562 และ46% ในปี 2563, ทองคำในรูป US$ ให้ผลตอบแทน 18%ในปี 2562 และ25% ในปี 2563, หุ้นจีน ให้ผลตอบแทน 22% ในปี 2562 และ7% ในปี 2563 แต่หุ้นไทยให้ผลตอบแทน 1% ในปี 2562 และ -20% ในปี 2563” ดร.วิศิษฐ์ กล่าว
ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีนี้ การลงทุนอาจจะผันผวนมาก ๆ เนื่องจากฟันด์โฟลว์โลกอาจจะรอความชัดเจนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นักลงทุนอาจจะเลือกหุ้นที่มีลักษณะ Defensive สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยและกลุ่ม Emerging Market อาจจะได้ผลบวกจากการมีความชัดเจนขึ้นของนโยบายประเทศทางฝั่งตะวันตก ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุนปี 2564 จึงต้องสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ทรีนีตี้ ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นไทย 10-20 % เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นจีน-เวียดนามรวมกัน 10% ลงทุนในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว 10-20 % เนื่องจากระดับ P/E ใกล้เคียงกับตลาดเกิดใหม่ และอีก 5-10% ลงทุนในทองคำ และ 1-5% ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ส่วนอีก 35% ถือเป็นเงินสด เพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนในจังหวะตลาดปรับตัวลดลง
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนหุ้นเวียดนาม คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในแบบ V Shape คาดการณ์จีดีพีเติบโต 2.7-3% ในปีนี้ และกว่า 6-8% ในปี 2564 ขณะที่ช่วง COVID-19 จีดีพีหลายประเทศติดลบ รวมทั้งค่าเงินดองเวียดนามหรือ Vietnamese Dong ที่มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าในอดีต ทุนสำรองระหว่างประเทศของเวียดนามสูงเป็นประวัติกาลกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะเดียวกันเวียดนามกำลังจะขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในดัชนี MSCI Frontier composite ในปี 2564 จะส่งผลดีกับเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ กฎหมายและเกณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังมีผลบังคับใช้จะช่วยให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าถึงตลาดหุ้นเวียดนามได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสที่เข้า MSCI Emerging Market ในกลางปี 2565 สำหรับจังหวะเหมาะสมในการลงทุนหุ้นเวียดนาม เริ่มลงทุนตั้งแต่เดือน ต.ค.ถึง พ.ย.นี้ โดยอาจจะใช้ Dollar Cost Average เพื่อบริหารต้นทุน
นอกจากนี้ ทรีนีตี้ ยังเปิดให้บริการลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนาม Trinity SSI-SCA กองทุนรวมต่างประเทศสัญชาติเวียดนามที่ลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Ho Chi Minh Stock Exchange และHanoi Stock Exchange และบริหารโดยผู้จัดการกองทุนชาวเวียดนาม จึงไม่ถูกจำกัดเรื่องสัดส่วนโควตาการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ