แนวโน้มของปัจจัย ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG:Environment Social Govermanceซึ่ง เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ในการปล่อยสินเชื่อของธุรกิจธนาคารอย่างมีความรับผิดชอบ และเพื่อความยั่งยืน
ต่อประเด็นดังกล่าวนายประกอบ เพียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ และรักษาการแทนผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ภายในปี2566 กรุงศรีอยุธยาตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารชั้นนำด้านESG โดยเน้นให้บริการลูกค้าในการระดมทุนออกตราสารหนี้(บอนด์) ประมาณ3หมื่นล้านบาท
จากที่ธนาคารได้จัดจำหน่ายบอนด์ให้กับภาครัฐและเอกชนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท จากจำนวน 3.7หมื่นล้านบาทของยอดการออกบอนด์ในไทยช่วง9เดือนที่ผ่านมา และคาดหวังว่าจะปล่อยสินเชื่อเพื่อESGได้เติบโตอีก 1-2เท่า จากปัจจุบันธนาคารปล่อยสินเชื่อดังกล่าวอยู่ประมาณ 2.5%ของพอร์ตสินเชื่อบรรษัทที่มีอยู่จำนวน4.2แสนล้านบาทหรือประมาณ1หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามในอนาคตอาจจะกำหนดดัชนีชี้วัดประสิทธิผลของการนำเงินสินเชื่อไปใช้เพื่อความยั่งยืน(Sustainability Link Loan) เช่น ลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะจัดทำกฎระเบียบแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกปี2564
นายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)ระบุว่า ธนาคารได้รับประโยชน์ จากบริษัทแม่ MUFGในการวางกรอบนโยบายปฏิบัติ เกี่ยวกับ ESG ซึ่งเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสของธนาคารโดย ที่ผ่านมาธนาคารได้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อความยั่งยืน(บอร์ด)
โดยมีซีอีโอ(นายเซอิจิโระ อาคิตะ ประธานคณะกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร)เป็นประธานบอร์ดตามแนวทางให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และปรับปรุงการควบคุมภายในให้มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและในปีนี้ตั้งเป้าที่จะลด ปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ แต่ละหน่วย(คาร์บอนฟุตพรินท์) 7.5 ล้านกิโลคาร์บอน