นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยถึงศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน ว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โลกก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาการกีดกันทางการค้าอยู่ แต่หากทรัมป์ได้เป็นอีกสมัย ปัญหาสงครามการค้าจะยังรุนแรงอยู่ โดยจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกเหมือนที่ผ่านมา แต่หากไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน สงครามการค้าจะพุ่งเป้าไปที่จีนประเทศเดียว อาจทำให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบลดลง
ขณะเดียวกันหากผลการการเลือกตั้งสหรัฐออกมาว่าไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น โดยจะขยายตัวได้ประมาณ 4.1% เพราะจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ประกอบกับการร่วมมือกับจีนในการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 หากประสบความสำเร็จก็จะทำให้โลกกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ซึ่งก็จะทำให้ไทยได้รับอานิสงค์ดีจากการส่งออกที่จะดีขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหลังการเลือกตั้งสหรัฐปัญหาการกีดกันทางการค้านั้น ไทยก็สามารถปรับปรุงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการพัฒนามาตรฐานสินค้าที่ถูกตัด GSP ให้มากขึ้น เพื่อแข่งขันได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเพื่อคงตลาดสหรัฐเอาไว้
ด้านกระทรวงการคลัง มองว่าหากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะส่งผลดีต่อการค้าโลก เพราะพรรคเดโมแครต ดำเนินนโยบายการค้าแบบมีเหตุมีผลมากว่าของนายทรัมป์ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการค้าโลกที่เคยเกิดปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทุเลาลงได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงค์ดีจากการส่งออกที่จะดีขึ้นตามไปด้วยได้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถมองข้ามได้ว่าหากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง จะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นภายในสหรัฐเอง โดยอาจจะนำพามาสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ยากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในอีกทางหนึ่งเช่นกัน