นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน ต.ค.2563 การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ สคร. กำกับดูแล 44 แห่ง ประกอบด้วย การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2563 ของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน (ตั้งแต่เดือนม.ค. – ต.ค. 2563) จำนวน 10 แห่ง มีผลเบิกจ่ายสะสมจำนวน 102,389 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99% ของกรอบลงทุนสะสม
ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ (ตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 – ก.ย. 2564) จำนวน 34 แห่ง ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว 1 เดือน มีผลเบิกจ่ายจำนวน 8,290 ล้านบาท หรือคิดเป็น 103% ของกรอบลงทุนสะสม
นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2563 ของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน ซึ่งมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 – ต.ค. 2563 จำนวน 102,389 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มาจากผลการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคง โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคใต้ตอนล่างเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 – 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายได้ตามแผนและมีผลเบิกจ่ายสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) เบิกจ่ายได้ 35,369 ล้านบาท หรือคิดเป็น 103% ของแผนเบิกจ่าย อันดับสอง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เบิกจ่ายได้ 28,257 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99% ของแผนเบิกจ่าย
อันดับสาม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เบิกจ่ายได้ 20,624 ล้านบาท หรือคิดเป็น 100% ของแผนเบิกจ่าย อันดับที่สี่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เบิกจ่ายได้ 14,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 100% ของแผนเบิกจ่าย และอันดับที่ ห้า บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เบิกจ่ายได้ 11,895 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของแผนเบิกจ่าย
สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี 2564 ณ สิ้นเดือนต.ค. 2563 ของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณซึ่งมีผลการเบิกจ่ายสะสม 1 เดือน (ตุลาคม 2563) สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 8,290 ล้านบาทนั้น รัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย อาทิ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ติดประเด็นทางเทคนิคและดำเนินการล่าช้ามาอย่างต่อเนื่องที่ สคร. ยังคงต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้ดีกว่าเป้าหมาย ได้แก่ แผนงานปรับปรุงท่อเพื่อลดน้ำสูญเสีย แผนงานปรับปรุงระบบท่อประปาเพื่อเสถียรภาพของระบบจ่ายน้ำ ของการประปานครหลวง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
"ในการตรวจเยี่ยม สคร. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังยังคงให้ความสำคัญเรื่องการติดตามปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนเพื่อให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2563 และในปี 2564 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดย สคร. จะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการติดตามผลการเบิกจ่ายงบลงทุน รวมทั้งวางแผนเพื่อพิจารณาแหล่งเงินลงทุนที่เหมาะสมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่ยังต้องพัฒนาอีกจำนวนมากเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง"