รู้จักปรากฏการณ์ Bitcoin Halving เรื่องต้องลุ้นทุกรอบ 4 ปี

01 เม.ย. 2564 | 00:34 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2564 | 07:49 น.

วงการคริปโทฯ มองปรากฎการณ์ Bitcoin Halving รอบใหม่ ปีนี้จะเกิดหรือไม่หลังผู้เล่นรายใหญ่เพิ่มทำแนวโน้มเปลี่ยน

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวในงานสัมมนา เปิดโลกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล How to Win Game of Crypto จัดโดยวารสารการเงินธนาคารเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ในหัวข้อ จับสัญญาณ Bitcoin Halving การแบ่งครึ่งที่ช็อกโลกคริปโทฯ ระบุว่า

ในอดีตที่ผ่านมา ทุกๆ 4 ปี จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Bitcoin Halving หรือการลดทอนผลตอบแทนของการขุดลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ Bitcoin หายากมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากปริมาณ Bitcoin ใหม่ที่ออกสู่ตลาดน้อยลง ทำให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น และทำให้ทุกครั้งหลังเกิด Bitcoin Halving ราคาของ Bitcoin ก็จะปรับตัวและทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงประมาณ 1 ปีครึ่ง

ทั้งนี้ Bitcoin Halving เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2555 ซึ่งผลตอบแทนของการขุด Bitcoin จากเดิมอยู่ที่ 50 BTC ลดลงเหลือ 25 BTC และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปี 2559 โดยหลังจากนั้น 6 เดือน ราคาของ BTC จะเริ่มนิ่ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นในช่วงกลางปี 2561 และราคาก็เริ่มนิ่งอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ของการเกิด Bitcoin Halving ในช่วงกลางปี 2563 และหลังจาก 6 เดือนหรือในช่วงปลายปี 2563 ราคา BTC ก็ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 3,000 ดอลลาร์ เป็น 50,000-60,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ (2564) ถือว่าเป็นปีทองของ BTC แต่ก็ยังไม่รู้ว่าราคาที่ปรับตัวขึ้นจะทำจุดสูงสุดแล้วหรือยัง โดยมองว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปจากในอดีต คือ มีผู้เล่นเข้ามาลงทุนใน BTC มากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจทำให้แนวโน้มของราคา BTC จากนี้เปลี่ยนไปจากในอดีตก็ได้ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของประเทศต่างๆ ทำให้เกิดสภาพคล่องล้นระบบ ก็อาจทำให้แนวโน้มราคา BTC เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน เนื่องจากมองว่าบางส่วนอาจนำเงินเข้ามาลงทุนในคริปโทฯ

ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของคริปโทฯ รวมกันอยู่ที่ 1.6-1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 10% ของมาร์เก็ตแคปทองคำ ซึ่งยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องด้วยขณะนี้ไม่ได้มีเพียงเหรียญ BTC เท่านั้น แต่ยังมีเหรียญอื่นๆ รวมกันมากกว่า 8,000 เหรียญทั่วโลก โดยปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะทำให้เงินไหลเข้ามาในตลาดคริปโทฯ นี้ คือ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และมีการเก็บทรัพย์สินที่ปลอดภัย จะเห็นได้ว่านักลงทุนสถาบันนำเงินมาลงทุน เพราะมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีบริษัท อย่าง Paypal ได้เปิดให้ผู้ที่มีบัญชีหรือลูกค้าให้ Bitcoin เพื่อชำระเงินในร้านค้าได้แล้ว ซึ่งลูกค้าที่มีบัญชี Paypal คิดเป็น 300 ล้านบัญชี ทำให้มองว่าจะมีเงินไหลเข้ามาใน BTC มากขึ้น

"อีก 3 ปีจากนี้ จะเกิด Bitcoin Halving อีกครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคตที่เรายังไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยสิ่งที่นักลงทุนรายใหม่ที่ต้องการจะเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ ควรทำ คือ ศึกษาให้เข้าใจก่อน เริ่มตั้งแต่การเปิดบัญชี การแบ่งเงินลงทุน ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรหรือต้องเข้าใจตัวเองก่อน และอย่าทำอะไรเกินตัว เนื่องจากทุกๆการเก็งกำไร การลงทุน มีความเสี่ยง"นายจิรายุสกล่าว

สำหรับ คำแนะนำการลงทุนในคริปโทฯ ที่นักลงทุนควรรู้ คือ

1.เหรียญมีจำนวนจำกัดหรือไม่ หากมีจำกัดก็จะส่งผลต่อราคาปรับตัวขึ้นได้

2. Network Effect

3. มีระบบที่ปลอดภัยหรือไม่

ขณะที่ในแง่ของการประเมินทิศทางราคาของคริปโทฯ ยังไม่มีสิ่งใดบอกได้ 100% ว่าราคาจะขึ้นหรือลง แต่ก็มีบางเครื่องมือบางตัวที่บอกว่าใครโอน BTC ออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ 100%

 

รู้จักปรากฏการณ์ Bitcoin Halving เรื่องต้องลุ้นทุกรอบ 4 ปี

ด้านนายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงปรากฎการณ์ Bitcoin Fever ว่า ในไตรมาส 1/64 เกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยมูลค่าตลาดของ BTC เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จากในอดีตปี 2562 อยู่ที่ 3% เท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคต BTC จะมีมูลค่าสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่นอกจาก BTC แล้วยังมีเหรียญอื่นๆ ที่น่าจับตามอง ซึ่งพบว่าเมื่อราคา BTC ปรับตัวขึ้น เหรียญอื่นๆ เช่น ETH, DOGE, DOT เป็นต้น ก็จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวัฏจักรที่จะเกิดขึ้นในปีนี้

ในส่วนของผู้ลงทุนจะเห็นว่า เป็นคนวัยทำงานมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีเงินเก็บสำหรับการลงทุน จะแตกต่างจากในอดีตที่จะเป็นนักลงทุน Gen X Gen Y เป็นหลัก เนื่องจากมีความมั่นใจในตลาดว่ามีความปลอดภัย และการเข้ามาลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Tesla ก็สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในวัยทำงานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นายปรมินทร์แนะนำว่าควรจัดพอร์ตการลงทุน แบ่งเงินลงทุนราว 5% ของเงินลงทุนทั้งหมดมาลงทุนในคริปโทฯ

สำหรับคำแนะนำในการเลือกเหรียญฯ เพื่อลงทุน ให้มองเป็น 2 ส่วน คือ เทคโนโลยี และราคา โดยหากเลือกลงทุนที่เทคโนโลยี ต้องเป็นผู้ที่อยากสนับสนุนเทคโนโลยี ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีผลต่อราคาให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ ส่วนคนที่ชอบการเก็งกำไร ให้ดูว่าเหรียญฯ ที่ลงไปแล้วจะกำไรหรือไม่  มีซัพพลายจำกัดหรือไม่ และผู้ถือเหรียญเป็นใคร อย่างไรก็ตาม การลงทุนในคริปโทฯ ผู้ลงทุนจะต้องหาความรู้เบื้องต้นก่อนเข้ามาลงทุน เนื่องจากตลาดมีความผันผวนค่อนข้างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลูกค้าในสหรัฐสามารถใช้ “บิตคอยน์” ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า “เทสลา” ได้แล้ว

กูรูพยากรณ์ "บิตคอยน์" จะแตะ 300,000 ดอลลาร์ก่อนฟองสบู่แตก

ประธานเฟดส่งสัญญาณ "ไม่สน" เงินดิจิทัล ทำราคาบิตคอยน์ร่วงหลุด 57,000 ดอลลาร์

สวิตเซอร์แลนด์นำร่อง รับชำระภาษีด้วยเงินดิจิทัลสกุล “บิตคอยน์” และ "อีเธอร์"

FCAอังกฤษเตือนแมงเม่าระวังหมดตัวกับ "บิตคอยน์"