คิดดอกเบี้ยผิดนัดหนี้อย่างไร ไม่ผิดกฎหมาย

11 เม.ย. 2564 | 08:09 น.
อัปเดตล่าสุด :12 เม.ย. 2564 | 10:28 น.

พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ลดภาระลูกหนี้ที่ไม่ถูกคิดดอกเบี้ยสูงเกินควร มีรายละเอียดอย่างไร ติดตามได้ที่นี่

หลังพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้ในวันนี้(11เม.ย.) โดยมีการแก้ไข  “ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ  เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดโดยนิติกรรมสัญญาหรือ โดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง และอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ 7.5% ต่อปีนั้น ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน  ทำให้ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินสมควร

 

รัฐบาลจึงเห็นควรปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและกำหนดวิธีการในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ดังกล่าวให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจ พร้อมทั้งกำหนดวิธีการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ ให้เหมาะสม ประกอบกับการระบาดแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างกว้างขวาง การกำหนดดอกเบี้ยที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงเป็นภาระอย่างมากต่อลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้

 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราหรือวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 จึงไม่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ อาทิ 1) ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินควร 2) เจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจน กำหนดให้ลูกหนี้เมื่อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด  และ 3)  สร้างความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรม

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล

 

ทั้งนี้ สาระของพระราชกำหนดฯ เป็นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ประกอบด้วย 1) อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดไว้ก่อนหรือไม่ได้มีกฎหมายกำหนด (แก้ไข มาตรา 7) ปรับลดจากอัตรา  7.5% ต่อปี เป็นอัตรา  3% ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลัง จะทบทวน ทุก 3 ปี ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ 2) อัตราดอกเบี้ยผิดนัด (แก้ไข มาตรา 224) ปรับลดจาก  7.5% ต่อปี เป็นอัตรา  5%  ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงนี้ เป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  3% ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่ม  2%  ต่อปี

 

อัตราดอกเบี้ยผิดนัดใหม่

3) กำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใดงวดหนึ่ง เจ้าหนี้คำนวณดอกเบี้ยผิดนัดได้เฉพาะจากเงินต้นของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเท่านั้น จากเดิมที่มาตรา 224/1 ไม่ได้กำหนดไว้ ส่งผลให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด

 

"กฎหมายหมายฉบับเดิม ตั้งแต่ปี 2468 มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ไม่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินควร เจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจน กำหนดให้ลูกหนี้เมื่อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด และยังสร้างความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมด้วย"น.ส.รัชดากล่าว 

 

ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้กับการคิดดอกเบี้ย/การคิดดอกเบี้ยผิดนัด/การคิดดอกเบี้ยผิดนัดในงวดที่ถึงกำหนดเวลาชำระ ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดใช้บังคับ (11 เม.ย. 2564) แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบี้ยในระหว่างช่วงเวลาก่อนที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: