นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR) เปิดเผยว่า มั่นใจในศักยภาพและความพร้อมที่จะก้าวสู่การเติบโตที่สำคัญอีกครั้งกับการเสนอขายหุ้นไอพีโอและนำเงินติดล้อเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดเชื่อมั่นว่ามีความแตกต่างที่โดดเด่นจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม และ TIDLOR จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนและตลาดทุนไทย ที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“สำหรับกระแสการตอบรับและความสนใจในการลงทุนถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง เราได้รับความสนใจในการลงทุนจำนวนสูงมากจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก โดยบริษัทและผู้ถือหุ้นได้ลงนามในสัญญาลงทุนกับนักลงทุนสถาบันคุณภาพที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศรวม 32 รายเพื่อเป็น Cornerstone Investors ของ TIDLOR โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 22,800 ล้านบาทที่ราคา 36.50 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายหุ้นเบื้องต้น หรือคิดเป็นประมาณ 69.0% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)”
ทั้งนี้ Cornerstone Investors ของ TIDLOR ประกอบด้วยนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น FIL Investment Management, JP Morgan Asset Management, Lion Global Investors Limited, Neuberger Berman เป็นต้น รวมถึงนักลงทุนสถาบันชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ บลจ. บัวหลวง บลจ. กสิกรไทย บลจ. ไทยพาณิชย์ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) บลจ. กรุงไทย บลจ. เอ็มเอฟซี เป็นต้น
“นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นไอพีโอของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุด และเป็นไอพีโอหุ้นที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันโดยสอดคล้องกับความตั้งใจในการทำธุรกิจเพื่อที่จะยกระดับชีวิตประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้เข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม"
สำหรับเงินติดล้อ เป็นผู้นำบริการทางการเงินเพื่อลูกค้ารายย่อย โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมผ่านการบุกเบิกและนำแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่น เครือข่ายสาขากว่า 1,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ การส่งต่อลูกค้าผ่านเครือข่ายตัวแทน การขายผ่านโทรศัพท์ ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกมือสอง สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา คอลล์เซ็นเตอร์ และช่องทางออนไลน์ ปัจจุบัน เงินติดล้อให้บริการ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เมื่อคำนวณจากยอดหนี้คงค้างในปี 2562 (อ้างอิงข้อมูลจากโอลิเวอร์ ไวแมน) และมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลาย เช่น สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ 10 นาที, สินเชื่อรถเก๋งกระบะอนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง เป็นต้น รวมถึงยังมีผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสดหมุนเวียน ให้ลูกค้าสามารถกดเงินสดที่ตู้ ATM ของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นคู่ค้าทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ยังมีธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยแก่รายย่อยในปี 2562 โดยมีบริษัทประกันภัยพันธมิตรชั้นนำ 18 ราย และมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย อาทิ ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท, ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ประกันโรคมะเร็ง, ฯลฯ เงินติดล้อ ได้วางกลยุทธ์การเติบโตในอนาคตโดยมุ่งรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ผ่านการขยายเครือข่ายและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งดำเนินการเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานต่าง ๆ สู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation)
ทั้งนี้ เงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ มีแผนจะนำไปใช้ในการขยายสาขาจำนวน 500 สาขาในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ปรับปรุงและพัฒนาโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระหนี้คืนบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และวัตถุประสงค์อื่น ๆ
อย่างไรก็ตามหุ้นสามัญของ TIDLOR ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ มีจำนวนไม่เกิน 907,428,600 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวมกันไม่เกิน 39.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการไอพีโอในครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเงินติดล้อจำนวนไม่เกิน 210,816,700 หุ้น, การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำนวนไม่เกิน 284,144,300 หุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดย Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 412,467,600 หุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe หรือ Over-allotment Option) จำนวนไม่เกิน 136,114,200 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 15.0% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของราคาหุ้นในช่วง 30 วันแรกหลังหุ้นของ TIDLOR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. และได้มีผลใช้บังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในการเสนอขายหุ้นสามัญของ TIDLOR ในครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม รวมทั้งมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินและดำเนินการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น (Overallotment and Stabilizing Agent)
สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่สนใจสามารถจองซื้อหุ้น TIDLOR ได้ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2564 ถึง เวลา 16.00 น. ของวันที่ 26 เมษายน 2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (สำหรับบุคคลที่เป็นลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด(มหาชน) เท่านั้น) ตามเวลา วิธีการและเงื่อนไขการจองซื้อที่ตัวแทนจำหน่ายหุ้นแต่ะรายกำหนด โดยการจัดสรรหุ้น จะใช้วิธี Small Lot First โดยต้องจองซื้อหุ้นขั้นต่ำเป็นจำนวน 1,000 หุ้น ที่ราคา 36.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 36,500 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนหุ้นที่จองซื้อต่อหนึ่งใบจอง นักลงทุนที่จองซื้อและชำระเงินครบถ้วนทุกจะได้รับจัดสรรหุ้นในรอบแรกเป็นจำนวนขั้นต่ำที่ 1,000 หุ้น จากนั้นจะได้รับการจัดสรรเพิ่มรอบละ 100 หุ้นต่อราย ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจำนวนหุ้นเบื้องต้นที่เสนอขายต่อผู้จองซื้อรายย่อยจะครบตามจำนวนที่กำหนด
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นจะดำเนินการโดยระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด โดยคาดว่าจะสามารถประกาศผลการจัดสรรและรายชื่อผู้จองซื้อรายย่อยที่ได้รับการจัดสรรผ่านทาง https://www.settrade.com ได้ภายในวันที่ 28 เมษายนนี้ ในกรณีที่ราคาเสนอขายหุ้นสุดท้ายต่ำกว่า36.50 บาทต่อหุ้น นักลงทุนทุนรายจะได้รับคืนเงินส่วนต่างระหว่างราคา 36.50 บาทต่อหุ้น กับราคาเสนอขายสุดท้าย ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน