STGT นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์

10 พ.ค. 2564 | 09:39 น.

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์หรือ STGT นำหุ้นครอบครัวสินเจริญกุล เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ วันที่ 10 พ.ค.64 ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ ‘STG’ ขยายฐานผู้ถือหุ้นให้หลากหลายยิ่งขึ้น

 นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนบนกระดานหลัก (Main Board) ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SXG-ST) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.(ตามเวลาของประเทศสิงคโปร์)  โดยใช้ตัวย่อ ‘STG’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งนี้  จะไม่มีการออกและเสนอขายหุ้นใหม่  แต่เป็นการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ (ครอบครัวสินเจริญกุล) โอนไปยังตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

STGT นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นสิงคโปร์

 

อย่างไรก็ตามคาดว่า จะเริ่มทำการโอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไปเพื่อทำการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมเป็นต้นไป เนื่องจากครอบครัวสินเจริญกุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่จะโอนหุ้นบางส่วนไปยังตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ติดหลักเกณฑ์ Blackout Period ห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ  ในช่วง 30 วันก่อนประกาศงบการเงินประจำไตรมาส และ 1 วันภายหลังจากประกาศงบการเงินประจำไตรมาส ซึ่งการที่บริษัทฯ นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ก่อนประกาศงบการเงินประจำไตรมาส  เพราะต้องการให้เป็นไปกำหนดระยะเวลาเดิมที่วางไว้ 

สำหรับการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ จะส่งผลดีต่อการขยายฐานผู้ถือหุ้นให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น หลังเข้าจดทะเบียนและซื้อขายหลักทรัพย์ในตลท. เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 มีช่องทางระดมทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต และยกระดับหุ้น STGT ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ ยังจัดให้มีกลไกการโอนหุ้น เพื่อให้หุ้นของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนในตลท.และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ สามารถโอนหุ้นระหว่างทั้ง 2 ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ได้ 

 

STGT นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นสิงคโปร์

 

สำหรับปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ามีปริมาณการขายถุงมือยางรวม 32,000 ล้านชิ้น เติบโต14% จากปี 2563 ที่มีปริมาณการขายเกือบ 30,000 ล้านชิ้น โดยมีแผนงานเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่อีก 4 แห่งในปีนี้คือ  โรงงาน SR2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มเดินเครื่องจักรเต็มทุกไลน์การผลิตแล้ว  โรงงาน SR3 ในจังหวัดสุราษฎร์คาดว่า เริ่มเดินเครื่องจักรภายในไตรมาส 2 นี้ โรงงานอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา คาดว่า เดินเครื่องจักรในไตรมาส 3 และโรงงานจังหวัดตรัง คาดว่า เดินเครื่องจักรในไตรมาส 4 นี้ ขณะที่แนวโน้มความต้องการถุงมือยางทั่วโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนเป็น 4.2 แสนล้านชิ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: