นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือ 36.9% เมื่อเทียบกับไตรมาก่อน และเพิ่มขึ้น 2,106 ล้านบาท หรือมากกว่า100% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 จากปัจจัยหลักคือการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของผลิตภัณฑ์น้ำมัน ส่วนรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 118,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,964 ล้านบาท หรือคิดเป็น8.2% จากไตรมาสก่อน จากรายได้เฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
ขณะที่ รายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ปรับตัวลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางไตรมาส มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ในสัดส่วน 20% เป็นการต่อยอดธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึง สนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรผู้ปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และ Café Amazon รวมทั้งยังได้ร่วมกับ LINE MAN Wongnai เปิดให้บริการ LINE MAN Kitchen ซึ่งเป็นคลาวด์ คิทเช่นในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค โดยใช้PTT Station เป็นแพลตฟอร์มให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่นอกเหนือจากการเติมน้ำมัน ตามแนวคิด Retailing Beyond Fuel
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ GPSC เปิดตัวโครงการ G-Box ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่(Battery Energy Storage System หรือ BESS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการพลังงานร่วมกับEV Station ถือเป็นนวัตกรรมพลังงาน ที่มีส่วนสำคัญในการเพิ่มเสถียรภาพการใช้ไฟฟ้า ทั้งในด้านการลดต้นทุนค่าพลังงาน และป้องกันไฟฟ้าตกหรือดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดรองรับความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต
“การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์ของ OR ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน (Inclusive Growth) สร้างชุมชนที่น่าอยู่ (Living Community) และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ (Healthy Environment) ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”
อย่างไรก็ตาม OR ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์2564 และเป็นหุ้นที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตลาดหุ้นไทยที่มีรายการจองซื้อและจำนวนผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยวิธีการกระจายหุ้นแบบSmall Lot First ให้ประชาชนได้ร่วมเป็นเจ้าของ OR อย่างทั่วถึง สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ OR ในการเติบโตไปพร้อมกับคนไทย