นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังกลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายโอกาสไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชเศรษฐกิจ กัญชง หรือ กัญชา เพื่อสร้างจุดแข็งและสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจให้กลุ่มบริษัทฯในอนาคต รวมถึงวางแผนลงทุนทำโรงสกัด CBD บริสุทธิ์ 99% ที่มีกำลังผลิต 1 ตัน ต่อวัน ซึ่งวางแผนจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศต่อไป
นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบไฟฟ้าเพื่อต่อยอดธุรกิจ ขณะที่งานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ได้เข้าร่วมประมูลกว่า 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะได้งาน ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งจะทยอยทราบผลภายใน 1-2 เดือนต่อจากนี้ จากปัจจุบันบริษัทฯ มีงาน EPC ในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 9,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทฯ ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าร่วมประมูลงาน EPC ใหม่ ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะมีงาน EPC ประมาณ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2564 และยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังคงมองหาโอกาสการลงทุนและเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มี Backlog เพิ่มเข้ามาอีก 1,700 ล้านบาท
"ช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานเพิ่มอีก 15-20% จากยอดดังกล่าว จึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างมีศักยภาพ และจะเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตรายได้ปีนี้ไม่น้อยกว่า 20%จากปีก่อนนอกจากนี้ ”
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2564)บริษัทฯมีกำไรในส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 608.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 439.10 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 38.60 %
ขณะที่กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 2,323.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 549.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 1,773.55 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้จากการขายไฟฟ้า และส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าเท่ากับ 1,112.58 ล้านบาท รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง และให้บริการเท่ากับ 454.39 ล้านบาท รายได้จากการขายเท่ากับ 268.74 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากสัญญาเช่าเงินทุนที่รับรู้ตามมาตรฐานบัญชีใหม่เท่ากับ 210.02 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :