นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า FinTech เป็นอุตสาหกรรมการเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงกิจกรรมบริการทางการเงิน โดยมุ่งแข่งขันกับวิธีการทางการเงินแบบดั้งเดิม ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีตามสถานการณ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกัน
FinTech ถูกใช้เพื่อทำให้การลงทุน การประกัน การซื้อขาย การบริการธนาคารและการบริหารความเสี่ยง เป็นอัตโนมัติในรูปของกระบวนการ ผลิตภัณฑ์ โมเดลธุรกิจใหม่ สกุลเงินดิจิทัล รวมถึงแอปพลิเคชัน ตัวอย่างเช่น การใช้สมาร์ทโฟนสำหรับ Mobile Banking
ช่วงการระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคพึ่งพาบริการทางการเงินแบบ Virtual ในการเข้าถึงและเบิกจ่ายเงิน ทำให้บทบาทและความนิยมของ FinTech เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย 96% ของผู้บริโภคทั่วโลกใช้บริการ FinTech อย่างน้อยหนึ่งบริการ โอกาสใน FinTech จึงไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากนวัตกรรมเติบโตบนเทคโนโลยีที่พัฒนาตลอดเวลา ผู้บริโภคต้องการทำสิ่งต่างๆ ในด้านการเงินมากขึ้นและตระหนักว่า FinTech เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โซลูชั่น FinTech จึงเพิ่มขึ้นตามโอกาส
กองทุนบัวหลวง จึงจะเสนอขาย IPO กองทุน B-FINTECH ระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายน 2564 เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี การยกระดับโลกการเงินสู่อนาคต การเติบโตไปพร้อมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น โดย B-FINTECH จะไปลงทุนผ่านกองทุน BGF FinTech Fund เป็นกองทุนหลัก และเป็นกองทุนในกลุ่ม BlackRock Global Funds ที่บริหารสินทรัพย์มากที่สุดในโลกกว่า 9.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“BGF FinTech Fund มีนโยบายการลงทุน มุ่งหาผลตอบแทนในระยะยาว จากการลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับ Financial Services / IT Services และ Insurance มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา ปรับปรุง รวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมให้ดีขึ้น เช่น กลุ่มบริษัทที่ให้บริการ E-Payment กลุ่มธนาคารดิจิทัล ผู้ให้บริการ Outsource ซอฟต์แวร์และโซลูชั่นด้านการเงิน สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคดิจิทัล ประกันภัยดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มการลงทุนและตลาดซื้อขายหลักทรัพย์”นายพีรพงศ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: