นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคกำลังจะเปลี่ยนไป หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเร็วกว่าคาดในช่วงที่ผ่านมา นำโดยสหรัฐฯ และ จีน โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนในไตรมาส 3 ปี 2564 จะเริ่มชะลอตัวลง รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจทั้งด้านการเงินและการคลังจะเริ่มตึงตัวขึ้น เช่น การชะลอการอัดฉีดสภาพคล่อง และ การปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งเป็นนโยบายที่ตรงข้ามกับในช่วงปี 2563
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตาในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 นอกจากการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 แล้ว คือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นแรงในไตรมาส 2 ปี 2564 โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวและจะเริ่มชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี 2564 ดังนั้น หากอัตราเงินเฟ้อไม่มีสัญญาณชะลอตัวตามคาด จะกลับกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะกดดันบรรยากาศการลงทุน เนื่องจากจะทำให้ตลาดมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย การระบาดระลอก 3 ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมากในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 ซึ่งถือว่าต่อเนื่องจากการระบาดรอบที่ 2 ในช่วงปลายปี 2563 ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยด้านการบริโภคถือว่าช่วยลดผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มได้บ้างแต่ปัจจัยสำคัญที่สุดต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คือ การฉีดวัคซีน ให้ได้ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจภายในประเทศและการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 ล่าสุดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปี 2564 ไว้ที่ระดับ 2%
ขณะที่ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ปี 2564 การที่ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวมาถึงระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้ว แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 ยังไม่จบ บ่งชี้ว่าราคาหุ้นได้สะท้อนความหวังของนักลงทุนไปมากแล้วทำให้ประเมินว่าวัฏจักรตลาดหุ้นไทยกำลังจะเปลี่ยนผ่านจาก Hope phase หรือช่วงเวลาที่ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วย valuation สู่ Growth phase หรือช่วงเวลาที่ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นเชิงรับจะปรับตัว outperform ตลาด เพราะมีความชัดเจนของกำไรที่สูงกว่าและมีความผันผวนที่ต่ำกว่ากลุ่มหุ้นวัฏจักร เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2565 ที่อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1,600 จุดสอดคล้องกับที่คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565 จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ระบาด โดยกลยุทธ์หลักในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดในครึ่งปีหลัง คือ การเปลี่ยนกลุ่มเล่นและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและ valuation สมเหตุสมผล ซึ่งเชื่อว่าหุ้นวัฏจักรน่าจะสะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งไปเรียบร้อยแล้ว และแนะนำให้มองหาโอกาสเข้าซื้อหุ้นเชิงรับที่มีการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจโดยจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,500-1,550 จุด
ขณะที่ หุ้นเด่นไตรมาส 3 ปี 2564 แนะนำหุ้นขนาดเล็กและหุ้นเชิงรับที่มีปัจจัยพื้นฐานเฉพาะตัวเป็นแรงขับเคลื่อนกำไร มี valuation ที่สมเหตุสมผล และพึ่งพาแรงส่งทางเศรษฐกิจมหภาคน้อยมากในการผลักดันให้มีผลตอบแทนสูงกว่าตลาด หุ้นแนะนำ คือ CRC, GPSC, PM, RJH และ SFT