นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการ คลินิกแก้หนี้ ได้ประชุมเพื่อประเมินผลมาตรการช่วยเหลือในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2563 - มิถุนายน 2564)
ผลโดยรวมถือว่า อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ลูกหนี้ของคลินิกแก้หนี้ 99% ยังสามารถชำระค่างวดได้ ส่วนที่พักชำระหนี้โดยสิ้นเชิงมีเพียง 1%
จากสถานการณ์ โควิดระลอก3 ที่ยังน่าเป็นห่วงและส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้าง คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ จึงเห็นชอบให้ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อไปอีกจนถึงเดือน ธันวาคม 2564
โดยลูกหนี้สามารถชำระหนี้ตามความสามารถหรือจ่ายเท่าที่ไหว ซึ่งจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2 % ขึ้นกับจำนวนเงินที่ชำระเข้ามาในช่วงเวลามาตรการ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
(1) รายที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยตั้งแต่ 80% ขึ้นไป จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 2%
(2) รายที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยตั้งแต่ 40% แต่ไม่ถึง 80% จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1%
โดยส่วนลดดอกเบี้ยที่คำนวณได้จะถูกนำไปตัดเงินต้นในเดือนมกราคม 2565 ซึ่งจะทำให้หมดหนี้เร็วขึ้น
คณะกรรมการฯ ยังเห็นชอบให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การสมัครเข้าโครงการ โดยขยายอายุจากเดิมไม่เกิน 65 ปี เป็นไม่เกิน 70 ปี (เมื่อรวมระยะเวลาการปรับโครงสร้างหนี้) และปรับอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 4-7% เป็นอัตราเดียวที่ 5% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของดอกเบี้ยในโครงการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
สำหรับมาตรการช่วยเหลือในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ จะมีผลอัตโนมัติกับลูกหนี้ทุกรายและลูกหนี้ใหม่ในโครงการโดยไม่ต้องลงทะเบียน แต่ต้องชำระหนี้ต่อเนื่อง สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ในช่วงนี้ สามารถขอผ่อนผันการชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขของโครงการ
สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ขอให้ติดต่อโครงการเพื่อสอบถามรายละเอียด ซึ่งผลการพิจารณาผ่อนผันขึ้นกับดุลพินิจของโครงการ
สำหรับ ผลของมาตรการ “ยา 2 สูตร” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ของโครงการคลินิกแก้หนี้ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ถึงมิถุนายน 2564 "สูตรจ่ายเท่าที่ไหว" ผ่อนปรนและจูงใจให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามความสามารถ ยิ่งชำระมาก จะได้ส่วนลดดอกเบี้ยมากขึ้น
ผลของยาสูตรจ่ายเท่าที่ไหวแสดงให้เห็นว่า การได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ ทำให้ลูกหนี้ยังคงพยายามชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง
ในภาพรวมลูกหนี้ 99% ยังคงชำระค่างวดได้ โดยลูกหนี้ 14,044 ราย ( 77%) ชำระหนี้เฉลี่ย 80% ขึ้นไป ของค่างวด ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 2% และจำนวน 2,467 ราย (14%) ชำระหนี้เฉลี่ย 40-79.99% ของค่างวด ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 1%
ส่วน 1,520 ราย ( 8%) ชำระค่าหนี้น้อยกว่า 40% ของค่างวด จะไม่ได้รับส่วนลดดอกเบี้ย ส่วนลูกหนี้ที่ใช้ยา "สูตรจ่ายไม่ไหว" ที่ไม่ชำระค่างวดเลยมีเพียง 192 รายเท่านั้น (คิดเป็น 1%)
“จุดเด่นของมาตรการยา 2 สูตรคือ เป็นมาตรการที่ยึดความต้องการของลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง ทำให้สามารถช่วยเหลือและตอบโจทย์ลูกหนี้ได้ตรงกับความต้องการควบคู่กับการใช้แรงจูงใจและกลไกตลาดในการแยกคนสองกลุ่มออกจากกัน ทำให้ลดภาระงานที่จะต้องประเมินลูกหนี้เป็นรายบุคคลไปมาก หากสถาบันการเงินนำกรอบยา 2 สูตรไปใช้ จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นางธัญญนิตย์กล่าว