นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า บริษัท ได้เพิ่มมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 2 รอบบัญชีหรืองวด เพื่อแบ่งเบาภาระสมาชิกเคทีซีทุกผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาศัยหรือทำงานในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือนอกเขตพื้นที่ควบคุมที่ต้องปิดกิจการตามประกาศของศบค. (ล็อกดาวน์)
ทั้งนี้สมาชิกเคทีซี สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564
เคทีซียังได้ขยายเวลาการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยเปลี่ยนประเภทหนี้บัตรเครดิตเป็น สินเชื่อส่วนบุคคล ระยะยาว ดอกเบี้ย 12% ต่อปี นาน 48 เดือน และผ่อนผันการชำระหนี้บัตรกดเงินสดเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลระยะยาว ดอกเบี้ย 22% ต่อปีนาน 48 เดือน
รวมทั้งลดค่างวด 30% และอัตราดอกเบี้ย ไม่เกิน 22% ต่อปี เป็นเวลา 6 รอบบัญชีหรืองวด สำหรับสมาชิกสินเชื่อส่วนบุคคล “เคทีซี แคช” และสินเชื่อทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกลุ่มลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือกับเคทีซีรวม 21,564 บัญชี ด้วยยอดหนี้คงค้างชำระที่ 1,545 ล้านบาท
“เรายังได้ปรับลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำของบัตรเครดิตเคทีซีจากเดิม 10% เหลือ 5% สำหรับบัญชีที่มีการสรุปรอบบัญชีตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 อัตรา 8% สำหรับปี 2565 และอัตรา 10% ตั้งแต่ปี 2566 ส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) ปัจจุบันได้ผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ของยอดเงินคงค้าง ซึ่งอยู่ในแนวทางการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว “นายระเทียรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัท ได้ปรับลดเพดานดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 โดยที่สมาชิกไม่ต้องแจ้งความประสงค์ ได้แก่ บัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเท่ากับ 16% ต่อปี
บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) สินเชื่ออเนกประสงค์ “เคทีซี แคช” (KTC CASH) อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสูงสุดเท่ากับ 25% ต่อปี และสินเชื่อทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรรมเนียมการใช้วงเงินสูงสุดเท่ากับ 24% ต่อปี