ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดตัวเลข ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตลอดจนภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน มาตรการทางการเงิน ทั้งโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ และโครงการสินเชื่อฟื้นฟูที่ผ่านมาได้เร่งรัดอนุมัติแล้วหลายราย
เช่นเดี่ยวกับโครงการสิ้นเชื่อสู้ภัยโควิดของธนาคารออมสินและธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ได้รับความสนใจอย่างมาก ประเมินว่าจะช่วยเยี่ยวยาความบอบช้ำให้กับผู้ประกอบการและประชาชนได้ในระดับหนึ่ง
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานมาตรการทางการเงินช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจในโครงการสินเชื่อฟื้นฟูวงเงิน 250,000 ล้านบาท ได้อนุมัติไปแล้วจำนวน 89,444 ล้านบาท มีผู้ได้รับความช่วยเหลือ 29,365 ราย
โดยมีวงเงินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อราย ขณะที่โครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” วงเงินรวมของ 100,000 ล้านบาท มีมูลค่าสินทรัพย์ที่รับโอน 8,991 ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 50 ราย ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นมาตรการที่รัฐบาลตอบสนองต่อภาคเอกชนให้สามารถเข้าถึงเงินสินเชื่อได้มากขึ้น เสริมสภาพคล่องและการลงทุน
สนับสนุนวงเงินในการดูแลสินทรัพย์ให้ภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรงยังสามารถกลับมาทำธุรกิจตามปกติ หลังจำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว ตามมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 23 มีนาคม2564
ส่วน “สินเชื่อ สู้ภัย COVID–19” ของ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เปิดผู้มีรายได้ประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกรรายย่อย หรือลูกจ้างภาคการเกษตร ที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19 สามารถยื่นขอกู้วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท/ราย
โดยไม่ต้องมีหลักประกันนั้น ธนาคารออมสิน รายงาน ณ วันที่ 31 ก.ค.64 มียอดปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 700,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ ธ.ก.ส.รายงานยอดจ่ายสินเชื่อ ณ วันที่ 9 ส.ค.64 ปล่อนวินเชื่อไปจำนวน 111.87 ล้านบาท โดยมีผู้กู้ 11,248 ราย ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปและเกษตกรยังสามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงเดือน ธ.ค.64
“จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าใจถึงความเดือดร้อน และได้หารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความช่วยเหลือช่วยผู้ประกอบการและประชาชนรายกลุ่มทั้งในระยะปานกลางและระยะยาว หลังจากมาตรการเยียวยาช่วงล็อกดาวน์สิ้นสุดลง”