บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตจัดจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ทำให้แต่ละองค์กรต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่ง QTC ได้วางกลยุทธ์เชิงรุก โดยเจาะตลาดทั้งในธุรกิจการจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า และธุรกิจเทรดดิ้ง จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ให้กับ LONGI Solar, Trina Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCT ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง
จากการวางกลยุทธ์ดังกล่าวภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนที่บริษัทฯวางไว้ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 294.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนนี้ (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิ เท่ากับ 22.49 ล้านบาท ยังคงทรงตัวหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ในขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม เท่ากับ 528.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 45.14 ล้านบาท
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยถึงปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องว่า มาจาก การทำการตลาดแบบเชิงรุกในงานซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีการขยายตลาดในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาสดังกล่าวบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการชะลอตัวด้านการลงทุนในโครงสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน แต่บริษัทฯ ยังมีออเดอร์การจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ สามารถคว้างานจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้อีกกว่า 123 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งสินค้าในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 500 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2564 นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปีนี้ QTC ครบรอบ 25 ปี และย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ mai สู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงาน เพื่อสามารถต่อยอดธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการขยายตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ ASEAN และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะมีโอกาสคว้างานประมูลของการไฟฟ้าภูมิภาค เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ล้านบาท รวมถึงการบุกตลาดเพื่อลุยงานแผงโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 1,200 ล้านบาท จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน