18 ส.ค.2564 นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) เปิดเผยว่าในปี 2564 บริษัทวางแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่สู่การเป็น “Digital Financial Service” ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ด้วยการต่อยอดการเงินปัจจุบันสู่บริการทางการเงินดิจิตอล
โดยบริษัทมีแผนที่จะขอใบอนญาตเพิ่มอีก 4 ธุรกิจ (licenses ) จากปัจจุบันที่มี 17 ไลเซนส์ ได้แก่ ธุรกิจนายหน้าและผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset broker and dealer) แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงใบอนุญาต Digital asset fund manager และ Open-architecture licenses ซึ่งคาดว่าจะได้อนุมัติภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูง
"หากได้อีก 4 ไลเซนส์ ครบ 21 ไลเซนส์ จะทำให้ธุรกิจการลงทุนของบริษัทครบสมบูรณ์ เชื่อมโยงตลาดเงินสู่บริการการเงินดิจิทัล และการลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลก เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกเมนูช๊อปได้ "
ส่วนความคืบหน้าในการให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิตอลในประเทศไทย (ICO Portal) ในปีนี้บริษัทเตรียมออก ICO 2 ตัว ประกอบด้วยโทเคนดิจิตอลเพื่อการลงทุนสิริฮับ ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะเปิดตัวภายในปลายเดือนส.ค.นี้ และเสนอขายในเดือนก.ย.นี้ กำหนดราคาจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อ 1 โทเคน (เหรียญ)
นอกจากนี้ภายในปีนี้ยังเตรียมเสนอขาย Ready to use Utility Token เป็นครั้งแรกในวงการเอนเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเช่นกัน
ปัจจุบันเอ็กซ์สปริงฯ ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจหลักทรัพย์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด 2.ธุรกิจจัดการกองทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด 3.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด 4.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด และ 5.ธุรกิจจัดการเงินลงทุน
ผลดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่าปี 2563 ทั้งปีที่มีรายได้รวมจำนวน 141 ล้านบาท มีกำไรสุทธิฯอยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวก ทำให้เชื่อมั่นว่าแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงต่อจากนี้จะทยอยส่งผลให้กำไรในปีนี้อยู่ระดับเกิน 100 ล้านบาท และคาดจะเติบโตก้าวกระโดดได้ในปี 2565