นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JP) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) JP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 115 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เงินที่ระดมทุนได้ไปยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาดการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงและขยายโรงงานทั้ง 2 แห่ง ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดแข็งทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถนำองค์ความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์มาพัฒนาเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้นและสนับสนุนกลยุทธ์องค์กรที่มีเป้าหมายต้องการผลักดันการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ (Own Brand) โดยมีแผนงานนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงของบริษัทฯ เช่น ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงสุขภาพและความงาม รวมถึงใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ด้านธุรกิจยาและสมุนไพรมานานกว่า 70 ปี เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย จากการเลือกใช้ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นทางเลือกในการป้องกันและรักษาโรคมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้นำศักยภาพการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ที่กรุงเทพฯและจังหวัดลำพูน ที่มีการรับรองมาตรฐานการผลิตสำหรับการผลิตยา (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข สอดคล้องและทัดเทียมกับมาตรฐานของสหภาพยุโรปและมาตรฐาน GMP มาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบและครบวงจรเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลายทั้งขนาด ส่วนผสม และรูปแบบ ทำให้ JP สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคเข้าสู่สังคมแห่งการดูแลสุขภาพ ช่วยสนับสนุนแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ลูกค้า (OEM) ซึ่งบริษัทฯ ให้การบริการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้าการคิดค้นและพัฒนาสูตร การขอทะเบียนตำรับยาหรือการจดแจ้งเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) การออกแบบบรรจุภัณฑ์และควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพ
นางสาวจิรดา แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน JP กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) บริษัทฯ สามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย 3 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 348.88 ล้านบาท 360.69 ล้านบาท และ 455.64 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งตลอดระยะที่ผ่านมาที่บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ Own Brand ทำให้มีสัดส่วนรายได้ปรับตัวดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 21-25% และยังช่วยส่งเสริมความสามารถการทำกำไรขั้นต้นที่ดีกว่าการรับจ้างผลิต OEM ทำให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือทำได้ 12.39 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มเป็น 23.57 ล้านบาทในปี 2562 และในปี 2563 เติบโตเพิ่มเป็น 31.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.52%, 6.44% และ 6.72% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส1/2564 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 94.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7.48 ล้านบาท