นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในงาน"Thailand Focus 2021: Thriving in the Next Normal" ว่า ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีของการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีโอกาสอยู่ในทุกวิกฤต โดยเฉพาะตลาดทุนไทยได้พิสูจน์ความคงทนด้วยการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการระบาดหลายระลอก แต่ ตลท.ก็ยังสามารถประสบความสำเร็จ โดยตลท.เป็นหนึ่งในแหล่งIPO ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งในปี 2563 มูลค่าของ IPO ทะลุ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการจัดอันดับใน 10 อันดับแรกของโลก, 5 อันดับแรกของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีการนำเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกอย่างคึกคัก โดยมูลค่าหุ้นที่นำออกมาเสนอขายพุ่งขึ้นจนถึงระดับ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ตลท.เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงสุดในบรรดาตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนด้วยกัน มูลค่าการซื้อขายต่อวันพุ่งขึ้นมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันในปีนี้ จากเดิม 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของปีที่แล้ว เนื่องมาจากฐานของผู้ลงทุนที่มีความหลากหลายของตลท. และมีการจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลท. จำนวนไม่น้อยเป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งได้รับรางวัลและคำชมเชยหลากหลาย โดยบจ.ได้รับเลือกให้เข้าไปเป็นปัจจัยหนึ่งในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) นับเป็นจำนวนสูงสุดในอาเซียน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ในบรรดาประเทศอาเซียนที่สามารถบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของสหประชาชาติ (UN SDGs)
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีก ตลท.จึงเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นไปสู่ “next normal” หรือยุคหลังการระบาดของโควิด-19 โดยการรับเอาเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาใช้ รวมทั้งเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถเชื่อมโยงได้กับตลาดทุนระดับโลกต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 1.สำหรับแพลตฟอร์มข้อมูลการพัฒนาแบบยั่งยืน (ESG data platform) ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลออนไลน์ ซึ่งมีการจัดสร้างรูปแบบข้อมูลทั้งหลายอยู่เพื่อแสดงและเปรียบเทียบข้อมูลด้านความยั่งยืนสำหรับนักลงทุนและผู้ใช้อื่นๆ อันเป็นเพิ่มมูลค่าให้แก่การเปิดเผยข้อของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์
2.ด้านแพลตฟอร์ม Golbal Product หรือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับตลาดทุนไทย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงตลาดทุนโลก SET ได้พัฒนาการออกผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มการซื้อขายเพื่อเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในตลาดนอกประเทศโดยผ่านกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) และ ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt หรือ DR) แพลตฟอร์มนี้จะทำให้ทั้งตัวกลางและลูกค้าสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยผ่านตลาดภายในประเทศ
3.สำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล SET จะเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์ด้วยการเพิ่มบริการใหม่ ๆ เราได้ร่วมมือกับผู้เล่นรายสำคัญ เพื่อสามารถให้บริการได้ดีกว่าเดิมโดยผ่านบริการออนไลน์ อย่างเช่น การประชุมผู้ถือหุ้น ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-AGM , การออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นออนไลน์ หรือ e-proxy voting และ การทำความรู้จักลูกค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC ในกระบวนการนี้ SET จะนำเอาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในปี 2022 ซึ่งจะทำให้บรรดาธุรกิจใหม่และนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนทางเลือกหลากประเภท